ประวัติคนหางาน
ตำแหน่งงานที่ต้องการ :
ครูอนุบาล  
ประเภทของงาน :
งานประจำ  
เงินเดือนที่ต้องการ :
10,000  
สถานที่ต้องการทำงาน
ภาค :
xxxx  
จังหวัด :
xxxx  
เขต/อำเภอ :
xxxx  
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ :
xxxx 
นามสกุล :
xxxx 
เพศ :
หญิง  
วัน/เดือน/ปีเกิด :
25-ธันวาคม-2538  
อายุ :
28  
สัญชาติ :
xxxx 
เชื้อชาติ :
xxxx 
ศาสนา :
xxxx  
ส่วนสูง :
xxxx 
น้ำหนัก :
xxxx 
ตำหนิ :
xxxx 
กรุ๊ปเลือด :
xxxx 
สถานที่เกิด :
xxxx 
โรคประจำตัว :
xxxx  
สถานะความเป็นอยู่ :
xxxx 
สถานะครอบครัว :
xxxx 
สถานะทางทหาร :
xxxx 
ที่อยู่ปัจจุบันที่ติดต่อได้สะดวก
ที่อยู่ :
xxxx  
แขวง/ตำบล :
xxxx  
เขต/อำเภอ :
xxxx  
จังหวัด :
xxxx  
รหัสไปรษณีย์ :
xxxx 
เบอร์โทรศัพท์บ้าน :
xxxx  
เบอร์มือถือ :
xxxx  
E-mail :
xxxx
ประวัติการศึกษา
ระดับการศึกษาสูงสุด :
ปริญญาตรี  
ชื่อสถาบันสูงสุด :
xxxx 
สาขา :
ครุศาสตร์-ศึกษาศาสตร์ 
วิชาเอก :
ค.บเกษตรศาสตร์ 
เกรดเฉลี่ย :
3.31 
ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู
มี  
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
มี  
ระดับ ชื่อสถาบัน จังหวัด ประเทศ ปีการศึกษา วุฒิที่ได้รับ
xxx  xxx  xxx  xxx  xxx  xxx 
xxx  xxx  xxx  xxx  xxx  xxx 
xxx  xxx  xxx  xxx  xxx  xxx 
ความสามารถทางด้านภาษา
ภาษา
พูด
เข้าใจ
อ่าน
เขียน
ไทย
ดี 
ดี 
ดี 
ดี  
อังกฤษ
พอใช้  
พอใช้  
พอใช้  
พอใช้  
ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ( IT )
โปรแกรม
ความสามารถ ( ใช้งานได้ )
1. โปรแกรมสำนักงาน
(Word , Excel , Powerpoint , Access)
ดี  
2. โปรแกรม Multimedia
(Cai , Flash , Autoware , etc. )
ไม่ได้เลย  
3. โปรแกรมตัดต่อ VDO , sound , Effect
( Premier , Ulead , Sound Forge , etc. )
ไม่ได้เลย  
4. โปรแกรมสร้างกราฟิก ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์
( photoshop , Illustrator , etc. )
ไม่ได้เลย  
5. โปรแกรมสร้างเว็บไซต์
( Dreamweawer , Wordpress , CMS ต่างๆ หรืออื่นๆ )
ไม่ได้เลย  
6. การพัฒนาซอฟต์แวร์
6.1 Window based Application
ไม่ได้เลย  
6.2 Web based Application
ไม่ได้เลย  
6.3 Mobile Application
ไม่ได้เลย  
7. ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ชำนาญ
 
8. Database ที่ชำนาญ
 
9. ระบบเครือข่าย ( ติดตั้ง-ซ่อมบำรุง )
9.1 Window
ไม่ได้เลย  
9.2 Linux / Unix
ไม่ได้เลย  
10. การซ่อมบำรุงเครื่องคอมพิวเตอร์
(เครื่องคอมพิวเตอร์ , ปรินท์เตอร์ , อื่นๆ )
พอใช้  
ความสามารถทางด้านดนตรี
เครื่องดนตรี
ความสามารถ ( ใช้งานได้ )
1. เครื่องดนตรีไทย
(ระนาด , ขลุ่ย , ซอ , พิณ ฯลฯ )
ไม่ได้เลย  
2. เครื่องดนตรีสากล
( เปียโน , คีย์บอร์ด , กีตาร์ ฯลฯ )
ไม่ได้เลย  
ความสามารถทางด้านอื่นๆ
ความสามารถ :
พูดภาษาเขมร รำ  
เกียรติประวัติ - รางวัลต่างๆ
รางวัล
จากสถาบัน
ปี พ.ศ.ที่ได้รับ
แข่งทักษะวิชาการ  
โรงเรียนศรีตระกูลวิทยา  
2547  
ผู้นำนักศึกษา  
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์  
2560  
มีจิตสาธารณะ  
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์  
2560  
อบรมคุณธรรม  
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์  
2560  
ประวัติการทำงาน
ประสบการณ์การทำงาน :
xxxx ปี 
1 )
ชื่อสถานประกอบการ 1 :
xxxx  
ระยะเวลาเริ่มทำวันแรก :
26-พฤษภาคม-2560  
-จนถึงวันสุดท้าย :
15-พฤษภาคม-2561  
ตำแหน่ง 1 :
ครูฝึกสอน  
เงินเดือนสุดท้าย 1 :
6000  
สาเหตุที่ลาออก 1 :
จบการศึกษา  
 
การฝึกอบรม
หัวข้อ
สถาบัน
ระยะเวลา
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
บุคคลผู้รับรอง ( อ้างอิงได้ )
ลำดับ
ชื่อ
นามสกุล
ความสัมพันธ์
สถานที่ติดต่อ
เบอร์โทรศัพท์
1
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
2
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
3
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
แสดงความรู้ ความเข้าใจ และทัศนะของท่าน
1)ทัศนคติต่อการศึกษาไทย :
การศึกษาแปลว่า การเรียน, การเล่าเรียน, การเรียนรู้, การศึกษาเล่าเรียน, การหาความรู้ แล้วการศึกษาไทยล่ะเป็นอย่างไร ตามความคิดของกระผมที่ได้สำรวจมานั้น การศึกษาไทยคือการทำให้เด็กบางคนนั้นไม่ได้มีความฉลาดขึ้นเลย เพราะ เป็นการสอนแบบสนใจเด็กแบบไม่ทั่วถึง ไม่ค่อยมีการสนับสนุนเด็กสักเท่าไร มีการแบ่งแยกเด็กที่ฉลาดอยู่กับคนที่ฉลาด ส่วนเด็กที่โง่ก็จะโดนทิ้งให้เหมือนว่าเป็นปมด้อย เด็กไม่สามารถมีความคิดที่แตกต่างไปจากกรอบได้ เพราะจะถูกมองว่าเป็นพวกที่ไม่ทำตามกฎระเบียบ สอนในสิ่งที่เปล่าประโยชน์ ตัดสินด้วยเกรดเฉลี่ย แทนที่จะมองที่ความสามารถของเด็ก แล้วสนับสนุน แต่กลับสอนด้วยมาตรฐานเดียวกัน “เหมือนนำดินชนิดเดียวมาปลูกพืชหลายชนิด” จุดด้อยของการศึกษาไทย มีอยู่มากมายเลยจากการที่ดิฉันได้สำรวจมา ทั้งเรื่องระบบการเรียน ทั้งเรื่องการสอนที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต ทั้งในด้านการประกอบอาชีพ การใช้ชีวิต เด็กบางคนอายุจะเข้า ๑๕ แล้วยังอ่านหนังสือ สะกดคำภาษาไทยยังไม่ค่อยจะถูกเลย ทั้ง ๆที่เป็นภาษาประจำชาติของตนเอง แต่ก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง ในเรื่องกฎระเบียบในโรงเรียน ผลของการศึกษาไทยทำให้คุณเป็นอย่างไร ฉันคิดว่าผลของการศึกษาไทยทำให้คุณเป็นดั่ง “ปลาที่ว่ายน้ำไม่เป็น” แถมยังทำให้คุณไม่รู้ว่าอนาคตของคุณนั้นอยากจะบินหรืออยากจะทำอะไรกันแน่ เพราะการตัดสินด้วยกระดาษแผ่นเดียวนั้นไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย จากการสำรวจคนไทยตกงานเป็นจำนวนมากเนื่องจากไม่มีประสบการณ์ การทำงานเพราะมัวแต่ต้องตั้งใจเรียนเนื่องจากถูกปลูกฝังค่านิยมที่ว่า “คุณต้องเรียนให้สูงเข้าไว้เพื่อจะได้มีงานดี ๆทำ” การศึกษาไทยในปัจจุบัน เป็นยุคสังคมแห่งการเรียนรู้ที่เปิดกว้าง มีหลากหลายรูปแบบให้มนุษย์ได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเองได้อย่างรวดเร็วโดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาในสถานศึกษาของไทย เพื่อให้ก้าวทันโลกยุคใหม่ที่ไร้ขอบเขตภายใต้จินตนาการของมนุษย์ที่สร้างขึ้น การศึกษาเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา จะเห็นได้ว่า สถานศึกษาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษ สิ่งที่จำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ คอมพิวเตอร์และระบบอินเตอร์เน็ต สถานศึกษาทุกแห่งมีความต้องการใช้เท่า ๆ กัน ความรู้ความเข้าใจที่ทุกคนต้องเข้าไปให้ถึงโลกแห่งสังคมการเรียนรู้และใช้เทคโนโลยีเป็นจะทำให้เกิดคุณค่าและประโยชน์สูงสุดต่อตัวเอง แต่ในทางกลับกันหากใช้อย่างผิดวิธี ก็อาจทำให้เกิดความสูญเสีย ก็เป็นได้ แต่ในปัจจุบัน สถานศึกษาบางแห่งอาจจะไม่ได้รับจัดสรรคอมพิวเตอร์จากภาครัฐเลยก็มี หรืออาจจะไม่มีระบบอินเตอร์เน็ตใช้ก็คงมีอยู่ หรือได้รับการติดตั้งเป็นแบบจานดาวเทียมแต่ใช้งานไม่ได้ ดังนั้นหากรัฐบาลจะส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้โลกกว้างอย่างเท่าเทียมกัน ภาครัฐต้องจัดสรรวัสดุอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัยให้กับสถานศึกษาอย่างจริงจัง จัดสรรครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีความรู้ความชำนาญด้านการใช้เทคโนโลยีมาทำการจัดการเรียนการสอนให้กับเด็กและเยาวชนเหล่านั้น หรือพัฒนาครูที่มีอยู่ให้มีความรู้พร้อมที่จะเรียนรู้และสอนเด็กและเยาวชนได้อย่างมีคุณภาพในสถานการณ์ปัจจุบันสถานศึกษาทุกแห่งจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีในการติดต่อสื่อสาร การเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศ การค้นคว้าหาความรู้จากแหล่งต่าง ๆ ทั้งภายในและต่างประเทศ 
2)ทัศนคติของท่านต่อสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน :
ถ้าพูดแบบคนโลกสวย ก็จะบอกว่า เมืองไทยนี่ดีที่สุด ทั้งด้านตำแหน่งภูมิศาสตร์และลักษณะนิสัยใจคอของคนไทย แต่... เวลามักทำให้อะไรๆเปลี่ยนไป... สังคมไทยก็เช่นกันคะ เมื่อก่อนตอนเราเด็กๆ เรายังเห็นข้างบ้านเอาอาหารเย็นมาแบ่งปันบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อนบ้านไม่สิ ต้องทั้งหมู่บ้านเราจะรู้จักกันหมด ไอ้เด็กนี่มันลูกเต้าเหล่าใคร หรือบางครั้งไปขอใบกระเพรามาทำกับข้าวก็ยังได้ แต่สมัยยนี้ แค่คนข้างบ้านเรายังไม่รู้จักและไม่อยากรู้ด้วยว่าเขาชื่ออะไร ทำงานที่ไหน น้ำใจในสังคมมันเหลือน้อยลงทุกที สภาพเศรษฐกิจมันบีบรัดทำให้เราต้องเห็นแก่ตัว สิ่งเร้ามันเยอะ อยู่ในบ้าน เงินทองก็กระเด็นออกจากกระเป๋าได้เช่นกัน เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี พ่อแม่ก็ต้องเร่งทำงานหาเงิน เวลาที่จะดูแลครอบครัว ลูก หรือ พ่อแม่ แทบไม่เหลือ ต่างคนต่างอยู่ ทำให้เด็กก็เก็บตัวอยู่กับอุปกรณ์ IT (ข่าวล่าสุด มีเด็ก ป.6 ผูกคอตายเพราะน้อยใจแม่ดุด่าเรื่องติดเกมส์คอมพิวเตอร์ แย่จริงๆ) พ่อแม่ก็คิดแต่หาเงินให้พอกับรายจ่าย อยากได้โน่นได้นี่ แต่ไม่มีเงิน ผ่อนก็ยอม ทำให้เป็นการดึงเงินอนาคตมาใช้โดยพร่ำเพรื่อ เมื่อชักหน้าไม่ถึงหลังก็ต้องกู้เงินเป็นหนี้เป็นสิน กลายเป็นปัญหาครอบครัว หย่าร้าง ลูกไปทาง พ่อไปทาง แม่ไปทาง ทำให้สังคมเรามีSingle Mom เพิ่มมากขึ้น เด็กผู้ชายที่อยู่กับแม่ ก็จะเจอสิ่งแวดล้อมเพศหญิงมากจนชินตา ทั้งการแต่งตัวแต่งหน้า พูดจา อารมณ์ จะไปทางเพศหญิงทั้งนั้น ไม่มีพ่อที่จะเป็นต้นแบบของเพศชาย ทำให้ปัญหาเด็กตุ๊ดเด็กแต๋วมาเป็นพรวน แล้วเมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่ ชีวิตครอบครัวก็จะไม่ประสบความสำเร็จเพราะเขาได้เห็นต้นแบบจากพ่อแม่ของเขา และเขาก็คิดว่า แม่เขายังเลี้ยงเขามาได้ ทำไมฉันจะเลี้ยงลูกฉันเองไม่ได้ ขอโทษที่ต้องเขียนแบบนี้ แต่ทั้งหมดนี้คือความจริงครับ ไม่ได้อยากจะโลกสวยใดๆทั้งสิ้น สังคมจะดีได้มันต้องเริ่มจากครอบครัว ดิฉันจึงพยายามดูแลครอบครัวผมอย่างดีที่สุด และสร้างเกราะป้องกันภัย (คือ IQ และ EQ) ให้น้องดิฉัน เพื่อเขาเติบโตพอที่จะใช้ชีวิตในสังคมที่โหดแบบนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้น มันอยู่ที่เราคะ จะเลือกว่าจะวางครอบครัวเราไว้ในสังคมแบบใด สังคมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ถ้าเราวางตำแหน่งที่ถูก หลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นภัยอันตราย ชีวิตของเราและคนรักก็จะดีเองคะ ความเห็นดิฉันนะดิฉันว่า เมืองไทยยังคงน่าอยู่ได้ ตราบใดที่เรายังมีสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักและเทิดทูนอยู่เสมอ  
3)กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการกับการศึกษา :
ในฐานะที่เป็นกระบวนการสอน โยนิโสมนสิการเป็นกระบวนการคิด เป็นวิธีการที่ให้บุคคลมีหลักการและวิธีการคิดที่ก่อให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปใช้ในกระบวนการสอน ขอใช้ในความหมายง่าย ๆ ว่า โยนิโสมนสิการ คือ กระบวนการคิดหาเหตุ หรือกระบวนการพิจารณาหาเหตุ เหตุ คือ อะไร เหตุ คือ เงื่อนไขจำเป็นที่ทำให้เกิดสิ่งหนึ่งตามมา สิ่งที่ตามมาเรียกว่า ผล เหตุและผลมีความสัมพันธ์โยงถึงกัน ดังนั้น ถ้ารู้เหตุ ก็สามารถรู้ผลได้ หรือรู้ผลก็โยงไปหาเหตุได้ แต่ในการค้นหาเหตุได้ ต้องมีพื้นฐานความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ถ้ามีความรู้มาก ก็มีโอกาสตรึกตรองถึงความสัมพันธ์ของเหตุและผลได้ลึกและละเอียดมากตามไปด้วย ดังนั้น ก่อนการพิจารณาเหตุและผล จึงต้องมีความรู้ หลักการ กฎเกณฑ์ ที่ตรงกับความเป็นจริงเป็นเบื้องแรก ความรู้ที่เป็นพื้นฐานความรู้นั้นมาจากไหน คำตอบ คือ ความรู้เหล่านั้นมาจากการรับรู้จากภายนอก หรือ “ปรโตโฆษะ” หรือ สิ่งเร้า หรือ ประสบการณ์ หรือ จากการเรียนรู้ ซึ่งเริ่มต้นจากมีผู้แนะนำ ชี้ทาง ในสิ่งที่ถูก หรือ กัลยาณมิตร เป็นผู้ที่หวังดีที่จะให้เกิดการพัฒนาไปในทางที่ดี ด้วยเหตุที่คุณลักษณะของกัลยาณมิตรประกอบด้วย