ประวัติคนหางาน
ตำแหน่งงานที่ต้องการ :
ครูสอนวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา  
ประเภทของงาน :
งานประจำ  
เงินเดือนที่ต้องการ :
15,000  
สถานที่ต้องการทำงาน
ภาค :
xxxx  
จังหวัด :
xxxx  
เขต/อำเภอ :
xxxx  
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ :
xxxx 
นามสกุล :
xxxx 
เพศ :
ชาย  
วัน/เดือน/ปีเกิด :
13-พฤษภาคม-2535  
อายุ :
31  
สัญชาติ :
xxxx 
เชื้อชาติ :
xxxx 
ศาสนา :
xxxx  
ส่วนสูง :
xxxx 
น้ำหนัก :
xxxx 
ตำหนิ :
xxxx 
กรุ๊ปเลือด :
xxxx 
สถานที่เกิด :
xxxx 
โรคประจำตัว :
xxxx  
สถานะความเป็นอยู่ :
xxxx 
สถานะครอบครัว :
xxxx 
สถานะทางทหาร :
xxxx 
ที่อยู่ปัจจุบันที่ติดต่อได้สะดวก
ที่อยู่ :
xxxx  
แขวง/ตำบล :
xxxx  
เขต/อำเภอ :
xxxx  
จังหวัด :
xxxx  
รหัสไปรษณีย์ :
xxxx 
เบอร์โทรศัพท์บ้าน :
xxxx  
เบอร์มือถือ :
xxxx  
E-mail :
xxxx
ประวัติการศึกษา
ระดับการศึกษาสูงสุด :
ปริญญาตรี  
ชื่อสถาบันสูงสุด :
xxxx 
สาขา :
ครุศาสตร์-ศึกษาศาสตร์ 
วิชาเอก :
พลศึกษา 
เกรดเฉลี่ย :
2.59 
ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู
มี  
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
มี  
ระดับ ชื่อสถาบัน จังหวัด ประเทศ ปีการศึกษา วุฒิที่ได้รับ
ความสามารถทางด้านภาษา
ภาษา
พูด
เข้าใจ
อ่าน
เขียน
ไทย
ดีมาก 
ดีมาก 
ดีมาก 
ดีมาก  
อังกฤษ
ดี  
ดี  
ดีมาก  
ดี  
ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ( IT )
โปรแกรม
ความสามารถ ( ใช้งานได้ )
1. โปรแกรมสำนักงาน
(Word , Excel , Powerpoint , Access)
ดีมาก  
2. โปรแกรม Multimedia
(Cai , Flash , Autoware , etc. )
พอใช้  
3. โปรแกรมตัดต่อ VDO , sound , Effect
( Premier , Ulead , Sound Forge , etc. )
พอใช้  
4. โปรแกรมสร้างกราฟิก ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์
( photoshop , Illustrator , etc. )
พอใช้  
5. โปรแกรมสร้างเว็บไซต์
( Dreamweawer , Wordpress , CMS ต่างๆ หรืออื่นๆ )
ไม่ได้เลย  
6. การพัฒนาซอฟต์แวร์
6.1 Window based Application
ไม่ได้เลย  
6.2 Web based Application
ไม่ได้เลย  
6.3 Mobile Application
ไม่ได้เลย  
7. ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ชำนาญ
 
8. Database ที่ชำนาญ
 
9. ระบบเครือข่าย ( ติดตั้ง-ซ่อมบำรุง )
9.1 Window
พอใช้  
9.2 Linux / Unix
พอใช้  
10. การซ่อมบำรุงเครื่องคอมพิวเตอร์
(เครื่องคอมพิวเตอร์ , ปรินท์เตอร์ , อื่นๆ )
ดี  
ความสามารถทางด้านดนตรี
เครื่องดนตรี
ความสามารถ ( ใช้งานได้ )
1. เครื่องดนตรีไทย
(ระนาด , ขลุ่ย , ซอ , พิณ ฯลฯ )
ดี  
2. เครื่องดนตรีสากล
( เปียโน , คีย์บอร์ด , กีตาร์ ฯลฯ )
ดี  
ความสามารถทางด้านอื่นๆ
ความสามารถ :
จบนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ปี5  
เกียรติประวัติ - รางวัลต่างๆ
รางวัล
จากสถาบัน
ปี พ.ศ.ที่ได้รับ
ชนะเลิศจัดบอร์ดรักเป็นปลอดภัย  
รร.ลือคำหารวารินชำราบ  
2560  
วิ่งเฉลิมพระเกียรติ  
อุบลราชธานี  
2560  
นักกีฬาวิ่งครบเพลิง  
อบต.ลือ  
2561  
ผู้ตัดสินกีฬาฟุตบอล  
อ.ปทุมราชวงศา  
2561  
ประวัติการทำงาน
ประสบการณ์การทำงาน :
xxxx ปี 
การฝึกอบรม
หัวข้อ
สถาบัน
ระยะเวลา
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
บุคคลผู้รับรอง ( อ้างอิงได้ )
ลำดับ
ชื่อ
นามสกุล
ความสัมพันธ์
สถานที่ติดต่อ
เบอร์โทรศัพท์
1
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
2
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
3
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
แสดงความรู้ ความเข้าใจ และทัศนะของท่าน
1)ทัศนคติต่อการศึกษาไทย :
ในสถานการณ์ปัจจุบันสถานศึกษาทุกแห่งจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีในการติดต่อสื่อสาร การเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศ การค้นคว้าหาความรู้จากแหล่งต่าง ๆ ทั้งภายในและต่างประเทศ ดังนั้นภาครัฐรวมถึงภาคเอกชนต้องช่วยกันดูแลโรงเรียนที่อยู่ในชุมชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม เพื่อจะทำให้เด็กและเยาวชนเหล่านั้นได้รับการพัฒนาความรู้ในโลกกว้างอย่างที่แท้จริง 
2)ทัศนคติของท่านต่อสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน :
ในภาวะปัจจุบัน สังคมประสบปัญหาที่เกิดจากการกระทำวัยรุ่น ซึ่งเป็นบุคคลในวัยเรียน เป็นนักเรียนนักศึกษาที่ยังอยู่ในการอุปการะเลี้ยงดูของบิดามารดาและผู้ปกครอง ได้มีพฤติกรรมที่ไม่พึ่งประสงค์ของสังคม อาทิ เช่น -การทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย -การดื่ม และเสพของมึนเมา เสพสิ่งเสพย์ติด -การมีพฤติกรรมทางเพศก่อนวัยอันสมควร -การมีพฤติกรรมทางเพศที่ฟุ่มเฟือย ไม่เลือกคู่ -การขายบริการทางเพศ -การก่อกวนสร้างความเดือดร้อนให้สังคมหลายรูปแบบ -บิดามารดาและผู้ปกครอง ปกครองบุตรหลานไม่ได้ ทุกปัญหาที่กล่าวมาล้วนเป็นปัญหาของสังคมอยู่ในระดับที่เรียกว่า “ วาระแห่งชาติ ” ซึ่งทุกคนในสังคมต้องร่วมมือกันแก้ไข เพื่อให้ปัญหาลดน้อยลงหรือหมดไป องค์กรที่สำคัญที่สุดซึ่งใกล้ชิดเยาวชนมากที่สุด ได้แก่ ครอบครัวของเยาวชนและสถานศึกษาที่เยาวชนศึกษาอยู่ ซึ่งมีหน้าที่ให้การศึกษา อบรมบ่มนิสัย ประคับประคอง อุ้มชู ให้ความรัก ความอบอุ่น ตลอดจนความเอื้ออาทร ซึ่งมีอิทธิพลต่อการกระทำและพฤติกรรมของเยาวชนในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านบวกและด้านลบ  
3)กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการกับการศึกษา :
กัลยาณมิตร และ โยนิโสมนสิการ สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ เป็นทิฏฐิ คือความเห็น เป็นทัสสนะ คือ ความเห็น เป็นญาณะ คือความรู้ หรือเป็นปัญญา คือความรู้ทั่วถึงที่จำต้องการเป็นขั้นต้นของทุกๆคนในโลกแต่ว่าจะได้สัมมาทิฏฐิ คือความเห็นชอบดั่งนี้ได้ ก็ต้องอาศัยความที่ใช้ปัญญาที่มีอยู่เป็นพื้น ในการประกอบปลูกปัญญาให้ยิ่งๆขึ้นไป ด้วยการ ฟัง การเรียน อันรวมในคำว่า สุตะ ด้วยการ คิด พินิจพิจารณา อันรวมเรียกว่า จินตา และ ด้วยการปฏิบัติ อบรมต่างๆ ในข้อที่พึงปฏิบัติอบรมนั้น อันเรียกว่า ภาวนา และเมื่อได้ ประกอบปฏิบัติปลูกปัญญา อบรมปัญญา เพิ่มพูนปัญญาในทางที่ถูกต้องอยู่เสมอ ก็ย่อมจะได้ ปัญญา ที่เป็นปัญญาถูกต้อง อันเรียกว่า สัมมัปปัญญา ได้สัมมาทิฏฐิ คือความเห็นชอบดังกล่าว และข้อนี้ได้มีพระพุทธภาษิตตรัสไว้ในที่อื่นอีกว่า ก็ต้องอาศัย มิตตสัมปทา คือความถึงพร้อมด้วยมิตร อันหมายความว่า ได้มิตรที่ดีงาม อันเรียกว่า กัลยาณมิตร พระพุทธเจ้า เป็นยอดกัลยาณมิตร มารดาบิดาครูอาจารย์ทั้งหลายก็เป็นกัลยาณมิตร เพื่อนมิตรทั้งหลายซึ่งเป็นผู้ทรงปัญญาสามารถ ที่จะให้คำแนะนำอบรมอันถูกต้องได้ ก็เรียกว่ กัลยาณมิตร โยนิโสมนสิการ ที่แปลว่า การทำไว้ในใจ จับให้ถึงต้นเหตุ ดังเช่นเมื่อกำหนดเพื่อรู้จักอกุศล ก็ต้องจับให้ถึงต้นเหตุว่ามีมูลเหตุมาจากต้นเหตุ มาจาก โลภะ โทสะ โมหะ ซึ่งเป็นอกุศลมูล และเมื่อกำหนดเพื่อรู้จัก กุศลมูล ก็ต้องจับให้ถึงต้นเหตุ ว่ามีต้นเหตุหรือมูลเหตุมาจากกุศลมูล คือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ ดังกล่าว ความใส่ใจ ความกำหนดใจ พินิจพิจารณาจับเหตุของผลให้ได้ดั่งนี้ คือ โยนิโสมนสิการ ก็ต้องอาศัย โยนิโสมนสิการนี้อีกข้อหนึ่ง ได้มีพระพุทธภาษิตตรัสไว้ว่า กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการ นี้ เป็นเบื้องต้นของสัมมาปฏิบัติทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สมาธิ ไม่ว่าจะเป็นปัญญา หรือจะคลุมไปถึง ศีล 5 ทั้งหมด ต้องอาศัย กัลยาณมิตร และโยนิโสมนสิการ มาตั้งแต่เบื้องต้น เหมือนอย่างรุ่งอรุณเป็นเบื้องต้นของวัน กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการก็เปรียบเหมือนว่าเป็นรุ่งอรุณ เป็นเบื้องต้นของความสว่าง ของสัมมาปฏิบัติ คุณงามความดีทั้งสิ้น อันนับว่าเป็นความสว่าง จึงต้องอาศัยกัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการดั่งนี้ ในหมวดธรรมบางหมวด ก็ได้ตรัสอธิบายขยายความออกไปในทางปฏิบัติว่า ส้องเสพคบหาสัตบุรุษ คือคนดี ก็ได้แก่ กัลยาณมิตรนี้เอง ฟังธรรมของคนดี มีโยนิโสมนสิการใส่ใจ คือนำเอาธรรมะที่ฟังมาใส่ไว้ในใจ ตั้งต้นตั้งแต่ ตั้งใจฟัง ตั้งใจพิจารณา จับเหตุจับผลและปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ข้อใดที่พึงละก็ละ ข้อใดที่พึงปฏิบัติก็ปฏิบัติ ข้อใดพึงปฏิบัติก่อนก็ปฏิบัติก่อน ข้อใดที่พึงปฏิบัติหลังก็ปฏิบัติหลัง ดั่งนี้เป็นต้น เรียกว่า ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม และเมื่อมีทั้ง 4 ข้อนี้ ก็เป็นอันว่า นำให้ได้ สัมมาทิฏฐิ คือความเห็นชอบ ความเห็นตรง นำให้ความเลื่อมใสที่ไม่หวั่นไหวในพระธรรม นำมาสู่สัทธรรม คือ ธรรมของ สัตบุรุษ หรือธรรมที่ดี คือ ถูกต้อง คือพระธรรมวินัยนี้ดั่งนี้ เพราะฉะนั้น ปัญญาที่ต้องการในทางพุทธศาสนา อันเป็นขั้นต้นที่ต้องการคือปัญญาที่ทำให้เป็นสัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบดั่งกล่าว แต่ว่าพึงทำความเข้าใจด้วยอีกว่า ความรู้ที่เป็นตัวปัญญา ที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ไม่ใช่ สัญญา คือความทรงจำ เช่นการเรียน ความจำนี้ยังไม่เป็นปัญญา ยังไม่เป็นสัมมาทิฏฐิ ต้องอาศัยความคิดพินิจพิจารณาและการปฏิบัติอีกด้วย คือว่า ต้องคิดพิจารณาไป และต้องปฏิบัติไป ก็คือ ปหานะ ละ อย่างหนึ่ง ภาวนา ทำให้มีขึ้น ให้เป็นขึ้น อย่างหนึ่ง ละคือฝึก ละ อกุศลกรรมบถทั้ง 10 นี้เป็นข้อปฏิบัติฝึกหัด ละ ภาวนา คือ ทำให้มีขึ้นให้เป็นขึ้นนั้น คือต้องปฏิบัติที่จะประกอบกุศลกรรมบถทั้ง 10 และอบรม กุศลมูล คือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ ให้มีขึ้น ให้บังเกิดขึ้นในจิตใจ นี้รวมเข้าในคำว่า สุตะ จิตตา ภาวนา ซึ่งเป็นเหตุให้ได้ปัญญา ที่ได้จากการเรียนการอ่าน ก็เรียกว่า สุตมัยปัญญา ที่ได้จากการคิดพินิจพิจารณา ก็เรียกว่า จินตามัยปัญญา ที่ได้จากการปฏิบัติอบรม ก็เรียกว่า ภาวนามัยปัญญา แต่ว่าใน 3 ข้อนี้ ก็ต้องประกอบด้วยทั้ง ละ และทั้งทำให้มีขึ้น ดังกล่าวนั้น และเมื่อปฏิบัติไป ปฏิบัติไป อาศัย สุตะ อาศัย จินตา อาศัย ภาวนา ทั้ง 3 นี้ ก็ย่อมจะได้ปัญญาที่เป็นตัวความรู้ขึ้น ของตัวเอง ได้ความเห็นขึ้นของตัวเอง ซึ่งมีคำเรียกว่า ญาณทัสสนะ ความรู้ ความเห็น ในการปฏิบัติธรรมทั้ง 3อย่างนั้น ก็ต้อง อาศัย กัลยาณมิตร และอาศัยโยนิโสมนสิการ ประกอบกันตลอดเวลา ฉะนั้นผู้มุ่งจะได้ปัญญาที่เป็นสัมมาทิฏฐิ จะต้องปฏิบัติตาม มงคลสูตรคาถาแรกของพระพุทธเจ้า อยู่ให้เป็นประจำ คือ ไม่เสวนาคบหาคนพาลทั้งหลาย เสวนาคบหาบัณฑิตทั้งหลาย และบูชาผู้ที่ควรบูชาทั้งหลาย เมื่อปฏิบัติได้ดังนี้ จึงจะได้ กัลยาณมิตร และเมื่อมีโยนิโสมนสิการประกอบอยู่ตลอด ก็ย่อมจะเจริญปัญญาขึ้นโดยตลอด ทำให้เกิดความรู้ของตัวเองขึ้นรับรองว่านี่เป็นอย่างนี้จริง ข้อนี้เป็นจริง และเมื่อได้ปัญญาคือความรู้ของตัวเอง ให้เกิดความเห็นชอบ ที่เรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ชีวิตในโรงเรียน ในชั้นเรียนของเด็กเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน หากการเรียนรู้อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความเป็นกัลยาณมิตร การเรียนมีลักษณะช่วยเหลือพึ่งพา มากกว่าการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น มีครู มีเพื่อนที่เข้าใจ รู้ใจ ไว้วางใจ ใกล้ชิด สนิทสนม คุ้นเคย ย่อมรับรู้ถึงความอบอุ่น ปลอดภัย จิตใจเบิกบาน เรียนรู้ที่มีความสุข