ตำแหน่งงานที่ต้องการ :
ครูสอนเคมี หรือ สอนชีวะ
เงินเดือนที่ต้องการ :
18,000
สถานที่ต้องการทำงาน
ข้อมูลส่วนตัว
วัน/เดือน/ปีเกิด :
17-กันยายน-2534
ที่อยู่ปัจจุบันที่ติดต่อได้สะดวก
ประวัติการศึกษา
ระดับการศึกษาสูงสุด :
ปริญญาตรี
ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
ระดับ |
ชื่อสถาบัน |
จังหวัด |
ประเทศ |
ปีการศึกษา |
วุฒิที่ได้รับ |
ความสามารถทางด้านภาษา
ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ( IT )
โปรแกรม |
|
1. โปรแกรมสำนักงาน (Word , Excel , Powerpoint , Access) |
|
2. โปรแกรม Multimedia (Cai , Flash , Autoware , etc. ) |
|
3. โปรแกรมตัดต่อ VDO , sound , Effect ( Premier , Ulead , Sound Forge , etc. ) |
|
4. โปรแกรมสร้างกราฟิก ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ( photoshop , Illustrator , etc. ) |
|
5. โปรแกรมสร้างเว็บไซต์ ( Dreamweawer , Wordpress , CMS ต่างๆ หรืออื่นๆ ) |
|
6. การพัฒนาซอฟต์แวร์ |
6.1 Window based Application |
|
6.2 Web based Application |
|
6.3 Mobile Application |
|
7. ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ชำนาญ |
|
8. Database ที่ชำนาญ |
|
9. ระบบเครือข่าย ( ติดตั้ง-ซ่อมบำรุง ) |
9.1 Window |
|
9.2 Linux / Unix |
|
10. การซ่อมบำรุงเครื่องคอมพิวเตอร์ (เครื่องคอมพิวเตอร์ , ปรินท์เตอร์ , อื่นๆ ) |
|
ความสามารถทางด้านดนตรี
เครื่องดนตรี |
|
1. เครื่องดนตรีไทย (ระนาด , ขลุ่ย , ซอ , พิณ ฯลฯ ) |
|
2. เครื่องดนตรีสากล ( เปียโน , คีย์บอร์ด , กีตาร์ ฯลฯ ) |
|
ความสามารถทางด้านอื่นๆ
ความสามารถ :
มีความสามารถในการนำเสนองาน กล้าแสดงออกเป็นตัวของตัวเองแต่สามารถทำงานเป็นทีมได้ เรียนรู้ได้เร็ว มีประสบการณ์สอนพิเศษเป็นเวลานาน เคยเป็นผู้ช่วยสอนให้กับนิสิตชั้นปีที่ 1 ขณะเรียนเป็นเวลา 1 ปี มีประสบการณ์ในการทำงานวิจัยระดับปานกลาง
เกียรติประวัติ - รางวัลต่างๆ
รางวัล |
จากสถาบัน |
ปี พ.ศ.ที่ได้รับ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ประวัติการทำงาน
ประสบการณ์การทำงาน :
xxxx ปี
1 )
ชื่อสถานประกอบการ 1 :
xxxx
การฝึกอบรม
หัวข้อ |
สถาบัน |
ระยะเวลา |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
บุคคลผู้รับรอง ( อ้างอิงได้ )
ลำดับ |
ชื่อ |
นามสกุล |
ความสัมพันธ์ |
สถานที่ติดต่อ |
เบอร์โทรศัพท์ |
1 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
2 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
3 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
แสดงความรู้ ความเข้าใจ และทัศนะของท่าน
1)ทัศนคติต่อการศึกษาไทย :
การศึกษาไทยมีจุดดีในเรื่องของคนในระบบให้ความสำคัญกับมัน กล่าวคือเด็ก พ่อแม่ ให้ความสำคัญกับการไปโรงเรียน การประเมินจากโรงเรียน นักเรียนส่วนใหญ่ให้ความเครพครูเเละที่สำคัญคือสังคมมีทักศนคติที่ดีต่ออาชีพครู จุดอ่อนของการศึกษาไทยมีหลายอย่าง ข้อเเรกเลยคือมีความเหลือมล้ำสูง ดูได้จากคะแนนการวัดผลระดับชาติ เด็กต่างจังหวัดทำคะแนนได้น้อยเมื่อเทียบกับเด็กในเมือง สาเหตุสำคัญก็มาจากการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง ทำให้ทรัพยากรไม่กระจายอย่างที่ควรจะเป็น การประเมินหรือการออกแบบหลักสูตรทำจากส่วนกลาง ขาดความเชื่อมโยงกับสังคมท้องถิ่น ทำให้เด็กตั้งคำถามถึงเรื่องที่เรียนว่าเรียนทำไม เขาจะได้อะไร สำหรับกรณีกรุงเทพ ถึงจะมีความเหลือมล้ำระดับหนึ่งเเต่ก็ถือว่าความสำคัญของปัญหาไม่เลวร้ายมากปัญหาสำคัญที่ควรจะคำนึงถึงคือ เราควรสอนอะไรเด็กในโรงเรียน ในความคิดของผมอย่างแรกเลย คือ ศีลธรรม ในอดีตมีคนเคยถามผมว่า ความดีคืออะไร ศีลธรรมคืออะไร และเช่นกัน เคยมีคนสอนผมว่า "ศีลธรรมคือการอยู่รวมกัน ศีลธรรมไม่ใช้วิชา แต่คือการปฏิบัติ" ในเมืองเราแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ไม่รู้จักนิสัยใจคอกันเเละกัน ที่แย่กว่านั้น เรามีความสามารถในการเข้าใจผู้อื่นลดลง มนุษย์จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ การทำงานหรือกิจกรรมต่างๆกับคนที่หลากหลายเป็นเรื่องจำเป็น การทำงานเหล่านั้นต้องยากระดับหนึ่ง พวกเขาต้องทะเลาะและมีความเห็นไม่ลงรอยกัน เพื่อเรียนรู้ที่จะจัดการความขัดแย้ง เรียนรู้ที่จะยอมเพื่อให้งานสำเร็จ เรียนรู้ที่จะไม่พูดถ้าไม่จำเป็น หรือเรียนรู้ที่จะพูดในสิ่งที่คนฟังไม่อยากฟังถ้าจำเป็น ครูต้องเป็นคนที่เด็กเชื่อใจ เพราะปัญหาเหล่านี้เขาจะเล่าให้เราฟังก็ต่อเมื่อเขาไว้ใจ เราต้องสอนและให้กำลังใจเขาในฐานะที่ปรึกษา เมื่อเด็กเรียนรู้สิ่งเหล่านี้เขาจะเป็นคนที่เห็นความสำคัญของผู้อื่นมากขึ้น ให้ความสำคัญกับสิ่งรอบตัวมากขึ้น ผมเชื่อว่าเขาจะเกิดจิตสำนึกส่วนรวม ทุกวันนี้เราเห็นปัญหาขยะ ปัญหาจราจร และอื่นๆตามเมือง รวมถึงปัญหาทางการเมืองและนโยบาย สาถารณะ เพราะคนกลุ่มใหญ่รุ่นหนึ่งไม่ได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ สุดท้ายสั้นๆ ปัจจุบันเราเน้นการเรียนการสอนในด้านวิชาการเป็นหลัก สาเหตุมาจากการประเมินของส่วนกลางในการเข้ามหาวิทยาลัย ที่มีเเต่การประเมินวิชาการเท่านั้น ผมคงไม่สามารถเเก้ไขอะไรตรงนี้ได้ เเต่โรงเรียนจะต้องไม่เน้นวิชาการมากเกินไป การสอนเด็กในห้อง 30-40 คน ไม่ควรสอนเนื้อหาที่มีความซับซ้อน เเต่ควรสอนพื้นฐานและกระตุ้นให้เด็กไปศึกษารายละเอียดด้วยตัวเองในสิ่งที่สนใจและจำเป็นต้องใช้สอบเข้ามหาลัย เเน่นอนเด็กไม่ชอบอ่านหนังสือเองเเละมักเลือกไปเรียนพิเศษมากกว่า เราต้องทำใจ ติวเตอร์คือคนที่สร้างความสะดวกสบายให้เด็กที่มีเงิน ไม่มีใครผิดหรือไม่ดี เเต่โรงเรียนคือสังคมที่สองที่เด็กรู้จักถัดจากครอบครัว มีความหลากหลายเเละท้าทายมากกว่าที่จะอยู่รวมกันอย่างมีความสุข ครูคือส่วนหนึ่งของสังคมโรงเรียน เราต้องสอนให้เขาจบไปแล้วสามารถมีความสุขได้ในสังคมไทย สังคมซึ่งเต็มไปด้วยปัญหา
2)ทัศนคติของท่านต่อสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน :
สังคมไทยมีความเหลื่อมล้ำสูง เรานิยามความสำเร็จ=ความร่ำรวย ผู้คนจึงอยากรวยเพื่อให้คนอื่นยอมรับ จะได้มีความสุข ในความเป็นจริงทรัพยากรมีจำกัด เราไม่สามารถทำให้ทุกคนรวยได้ ถ้าทุกคนมีรถ 1 คัน ราคา 6 แสนบาท ไม่รวมภาษีนำเข้าเดาๆสัก 2 แสนบาท แปลว่าเราต้องจ่ายเงินให้ประเทศที่ผลิต 4 แสนบาท คนไทยที่อายุเกิน 20 ก็น่าจะประมาณ 40 ล้านคน รถคนละคันก็ 16 ล้านล้านบาท เเล้วเราต้องปลูกข้าวส่งออกกี่ล้านตันถึงจะพอเคยคิดกันหรือเปล่า สังคมไทยเป็นสังคมที่คนบ่นว่ารถติด เเต่ตัวเองก็ขับรถไปทำงาน เป็นสังคมที่คิดว่าคนอื่นทำให้เกิดปัญหา โดยลืมมองตัวเอง หรือชอบคิดว่าคนอื่นทำฉันเลยต้องทำถึงมันจะทำให้เกิดปัญหาเพราะฉันเปลี่ยนคนเดียวปัญหาก็เหมือนเดิม สรุปปัญหาผ่านมา 10 ปีก็ไม่ได้รับการเเก้ไขเพราะมีเเต่คนพูดมากกว่าทำ เเต่อยากพูดให้เป็นรูปธรรมกว่านี้อีกหน่อย มองในเเง่ดีคนในสังคมไทยอาจขาดข้อมูลข้อเท็จจริงบางอย่าง เราเลยเป็นสังคมที่ปัญหาในอดีตได้รับการเเก้ไขน้อยมาก เช่น เราต้องตระหนักว่าทรัพยากรมีจำกัด ไม่สามารถทำให้ทุกคนรวยได้ การมุ่งสนใจเเต่ความสำเร็จตัวเองอาจทำให้สังคมถอยหลัง เหมือนเวลาขับรถตอนรถติดเรานั่งอยู่ในรถเรารู้สึกขับไปข้างหน้า เเต่เมื่อมองจากบนฟ้าเรากำลังเห็นรถถอยหลัง เราต้องเข้าใจมุมนี้ก่อน เราถึงต้องมีรัฐบาล มาจัดการกับปัญหาเหล่านี้ ต่อมาเราต้องเข้าใจว่า "สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับความฟุ้มเฟือยไม่ใช้การออม เเต่เป็นการแบ่งบัน" เราต้องสร้านสังคมที่คนรู้สึกถึงความมั่นคง คนจะได้กล้าแบ่งปัน เช่นเมื่อเจ็บปวดจะได้รับการรักษาที่ฟรี ทุกคนต้องมีที่อยู่อาศัยอาจให้เช่าโดยรัฐในราคาถูก เมื่อคนไม่ได้มุ่งเเต่การออมสะสมเงินเพื่อได้รับการยอมรับ คนจะตั้งใจทำงานมากขึ้น ตำรวจจะทำหน้าได้ดีขึ้น เพราะอยากให้ชาวบ้านยอมรับ ทุกวันนี้ เมื่อคนเข้ารับราชการ ก็สนใจถึงตำแหน่งที่สูงขึ้น เงินเดือนที่สูงขึ้น จนทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ สังคมไทยจึงพัฒนาได้ช้า
3)กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการกับการศึกษา :