ประวัติคนหางาน
ตำแหน่งงานที่ต้องการ :
ครูสอนเคมี หรือ สอนชีวะ  
ประเภทของงาน :
งานประจำ  
เงินเดือนที่ต้องการ :
18,000  
สถานที่ต้องการทำงาน
ภาค :
xxxx  
จังหวัด :
xxxx  
เขต/อำเภอ :
xxxx  
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ :
xxxx 
นามสกุล :
xxxx 
เพศ :
ชาย  
วัน/เดือน/ปีเกิด :
17-กันยายน-2534  
อายุ :
32  
สัญชาติ :
xxxx 
เชื้อชาติ :
xxxx 
ศาสนา :
xxxx  
ส่วนสูง :
xxxx 
น้ำหนัก :
xxxx 
ตำหนิ :
xxxx 
กรุ๊ปเลือด :
xxxx 
สถานที่เกิด :
xxxx 
โรคประจำตัว :
xxxx  
สถานะความเป็นอยู่ :
xxxx 
สถานะครอบครัว :
xxxx 
สถานะทางทหาร :
xxxx 
ที่อยู่ปัจจุบันที่ติดต่อได้สะดวก
ที่อยู่ :
xxxx  
แขวง/ตำบล :
xxxx  
เขต/อำเภอ :
xxxx  
จังหวัด :
xxxx  
รหัสไปรษณีย์ :
xxxx 
เบอร์โทรศัพท์บ้าน :
xxxx  
เบอร์มือถือ :
xxxx  
E-mail :
xxxx
ประวัติการศึกษา
ระดับการศึกษาสูงสุด :
ปริญญาตรี  
ชื่อสถาบันสูงสุด :
xxxx 
สาขา :
วิทยาศาสตร์ 
วิชาเอก :
ชีวเคมี 
เกรดเฉลี่ย :
3.52 
ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู
ไม่มี  
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
ไม่มี  
ระดับ ชื่อสถาบัน จังหวัด ประเทศ ปีการศึกษา วุฒิที่ได้รับ
ความสามารถทางด้านภาษา
ภาษา
พูด
เข้าใจ
อ่าน
เขียน
ไทย
ดีมาก 
 
 
 
อังกฤษ
พอใช้  
ดี  
ดีมาก  
ดี  
ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ( IT )
โปรแกรม
ความสามารถ ( ใช้งานได้ )
1. โปรแกรมสำนักงาน
(Word , Excel , Powerpoint , Access)
ดีมาก  
2. โปรแกรม Multimedia
(Cai , Flash , Autoware , etc. )
ดี  
3. โปรแกรมตัดต่อ VDO , sound , Effect
( Premier , Ulead , Sound Forge , etc. )
พอใช้  
4. โปรแกรมสร้างกราฟิก ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์
( photoshop , Illustrator , etc. )
พอใช้  
5. โปรแกรมสร้างเว็บไซต์
( Dreamweawer , Wordpress , CMS ต่างๆ หรืออื่นๆ )
ไม่ได้เลย  
6. การพัฒนาซอฟต์แวร์
6.1 Window based Application
ไม่ได้เลย  
6.2 Web based Application
ไม่ได้เลย  
6.3 Mobile Application
ไม่ได้เลย  
7. ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ชำนาญ
 
8. Database ที่ชำนาญ
 
9. ระบบเครือข่าย ( ติดตั้ง-ซ่อมบำรุง )
9.1 Window
ดีมาก  
9.2 Linux / Unix
ดี  
10. การซ่อมบำรุงเครื่องคอมพิวเตอร์
(เครื่องคอมพิวเตอร์ , ปรินท์เตอร์ , อื่นๆ )
ไม่ได้เลย  
ความสามารถทางด้านดนตรี
เครื่องดนตรี
ความสามารถ ( ใช้งานได้ )
1. เครื่องดนตรีไทย
(ระนาด , ขลุ่ย , ซอ , พิณ ฯลฯ )
ไม่ได้เลย  
2. เครื่องดนตรีสากล
( เปียโน , คีย์บอร์ด , กีตาร์ ฯลฯ )
ไม่ได้เลย  
ความสามารถทางด้านอื่นๆ
ความสามารถ :
มีความสามารถในการนำเสนองาน กล้าแสดงออกเป็นตัวของตัวเองแต่สามารถทำงานเป็นทีมได้ เรียนรู้ได้เร็ว มีประสบการณ์สอนพิเศษเป็นเวลานาน เคยเป็นผู้ช่วยสอนให้กับนิสิตชั้นปีที่ 1 ขณะเรียนเป็นเวลา 1 ปี มีประสบการณ์ในการทำงานวิจัยระดับปานกลาง  
เกียรติประวัติ - รางวัลต่างๆ
รางวัล
จากสถาบัน
ปี พ.ศ.ที่ได้รับ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ประวัติการทำงาน
ประสบการณ์การทำงาน :
xxxx ปี 
1 )
ชื่อสถานประกอบการ 1 :
xxxx  
ระยะเวลาเริ่มทำวันแรก :
03-มีนาคม-2560  
-จนถึงวันสุดท้าย :
23-ธันวาคม-2561  
ตำแหน่ง 1 :
ครูพาสทาม  
เงินเดือนสุดท้าย 1 :
N/A  
สาเหตุที่ลาออก 1 :
 
 
การฝึกอบรม
หัวข้อ
สถาบัน
ระยะเวลา
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
บุคคลผู้รับรอง ( อ้างอิงได้ )
ลำดับ
ชื่อ
นามสกุล
ความสัมพันธ์
สถานที่ติดต่อ
เบอร์โทรศัพท์
1
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
2
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
3
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
แสดงความรู้ ความเข้าใจ และทัศนะของท่าน
1)ทัศนคติต่อการศึกษาไทย :
การศึกษาไทยมีจุดดีในเรื่องของคนในระบบให้ความสำคัญกับมัน กล่าวคือเด็ก พ่อแม่ ให้ความสำคัญกับการไปโรงเรียน การประเมินจากโรงเรียน นักเรียนส่วนใหญ่ให้ความเครพครูเเละที่สำคัญคือสังคมมีทักศนคติที่ดีต่ออาชีพครู จุดอ่อนของการศึกษาไทยมีหลายอย่าง ข้อเเรกเลยคือมีความเหลือมล้ำสูง ดูได้จากคะแนนการวัดผลระดับชาติ เด็กต่างจังหวัดทำคะแนนได้น้อยเมื่อเทียบกับเด็กในเมือง สาเหตุสำคัญก็มาจากการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง ทำให้ทรัพยากรไม่กระจายอย่างที่ควรจะเป็น การประเมินหรือการออกแบบหลักสูตรทำจากส่วนกลาง ขาดความเชื่อมโยงกับสังคมท้องถิ่น ทำให้เด็กตั้งคำถามถึงเรื่องที่เรียนว่าเรียนทำไม เขาจะได้อะไร สำหรับกรณีกรุงเทพ ถึงจะมีความเหลือมล้ำระดับหนึ่งเเต่ก็ถือว่าความสำคัญของปัญหาไม่เลวร้ายมากปัญหาสำคัญที่ควรจะคำนึงถึงคือ เราควรสอนอะไรเด็กในโรงเรียน ในความคิดของผมอย่างแรกเลย คือ ศีลธรรม ในอดีตมีคนเคยถามผมว่า ความดีคืออะไร ศีลธรรมคืออะไร และเช่นกัน เคยมีคนสอนผมว่า "ศีลธรรมคือการอยู่รวมกัน ศีลธรรมไม่ใช้วิชา แต่คือการปฏิบัติ" ในเมืองเราแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ไม่รู้จักนิสัยใจคอกันเเละกัน ที่แย่กว่านั้น เรามีความสามารถในการเข้าใจผู้อื่นลดลง มนุษย์จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ การทำงานหรือกิจกรรมต่างๆกับคนที่หลากหลายเป็นเรื่องจำเป็น การทำงานเหล่านั้นต้องยากระดับหนึ่ง พวกเขาต้องทะเลาะและมีความเห็นไม่ลงรอยกัน เพื่อเรียนรู้ที่จะจัดการความขัดแย้ง เรียนรู้ที่จะยอมเพื่อให้งานสำเร็จ เรียนรู้ที่จะไม่พูดถ้าไม่จำเป็น หรือเรียนรู้ที่จะพูดในสิ่งที่คนฟังไม่อยากฟังถ้าจำเป็น ครูต้องเป็นคนที่เด็กเชื่อใจ เพราะปัญหาเหล่านี้เขาจะเล่าให้เราฟังก็ต่อเมื่อเขาไว้ใจ เราต้องสอนและให้กำลังใจเขาในฐานะที่ปรึกษา เมื่อเด็กเรียนรู้สิ่งเหล่านี้เขาจะเป็นคนที่เห็นความสำคัญของผู้อื่นมากขึ้น ให้ความสำคัญกับสิ่งรอบตัวมากขึ้น ผมเชื่อว่าเขาจะเกิดจิตสำนึกส่วนรวม ทุกวันนี้เราเห็นปัญหาขยะ ปัญหาจราจร และอื่นๆตามเมือง รวมถึงปัญหาทางการเมืองและนโยบาย สาถารณะ เพราะคนกลุ่มใหญ่รุ่นหนึ่งไม่ได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ สุดท้ายสั้นๆ ปัจจุบันเราเน้นการเรียนการสอนในด้านวิชาการเป็นหลัก สาเหตุมาจากการประเมินของส่วนกลางในการเข้ามหาวิทยาลัย ที่มีเเต่การประเมินวิชาการเท่านั้น ผมคงไม่สามารถเเก้ไขอะไรตรงนี้ได้ เเต่โรงเรียนจะต้องไม่เน้นวิชาการมากเกินไป การสอนเด็กในห้อง 30-40 คน ไม่ควรสอนเนื้อหาที่มีความซับซ้อน เเต่ควรสอนพื้นฐานและกระตุ้นให้เด็กไปศึกษารายละเอียดด้วยตัวเองในสิ่งที่สนใจและจำเป็นต้องใช้สอบเข้ามหาลัย เเน่นอนเด็กไม่ชอบอ่านหนังสือเองเเละมักเลือกไปเรียนพิเศษมากกว่า เราต้องทำใจ ติวเตอร์คือคนที่สร้างความสะดวกสบายให้เด็กที่มีเงิน ไม่มีใครผิดหรือไม่ดี เเต่โรงเรียนคือสังคมที่สองที่เด็กรู้จักถัดจากครอบครัว มีความหลากหลายเเละท้าทายมากกว่าที่จะอยู่รวมกันอย่างมีความสุข ครูคือส่วนหนึ่งของสังคมโรงเรียน เราต้องสอนให้เขาจบไปแล้วสามารถมีความสุขได้ในสังคมไทย สังคมซึ่งเต็มไปด้วยปัญหา 
2)ทัศนคติของท่านต่อสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน :
สังคมไทยมีความเหลื่อมล้ำสูง เรานิยามความสำเร็จ=ความร่ำรวย ผู้คนจึงอยากรวยเพื่อให้คนอื่นยอมรับ จะได้มีความสุข ในความเป็นจริงทรัพยากรมีจำกัด เราไม่สามารถทำให้ทุกคนรวยได้ ถ้าทุกคนมีรถ 1 คัน ราคา 6 แสนบาท ไม่รวมภาษีนำเข้าเดาๆสัก 2 แสนบาท แปลว่าเราต้องจ่ายเงินให้ประเทศที่ผลิต 4 แสนบาท คนไทยที่อายุเกิน 20 ก็น่าจะประมาณ 40 ล้านคน รถคนละคันก็ 16 ล้านล้านบาท เเล้วเราต้องปลูกข้าวส่งออกกี่ล้านตันถึงจะพอเคยคิดกันหรือเปล่า สังคมไทยเป็นสังคมที่คนบ่นว่ารถติด เเต่ตัวเองก็ขับรถไปทำงาน เป็นสังคมที่คิดว่าคนอื่นทำให้เกิดปัญหา โดยลืมมองตัวเอง หรือชอบคิดว่าคนอื่นทำฉันเลยต้องทำถึงมันจะทำให้เกิดปัญหาเพราะฉันเปลี่ยนคนเดียวปัญหาก็เหมือนเดิม สรุปปัญหาผ่านมา 10 ปีก็ไม่ได้รับการเเก้ไขเพราะมีเเต่คนพูดมากกว่าทำ เเต่อยากพูดให้เป็นรูปธรรมกว่านี้อีกหน่อย มองในเเง่ดีคนในสังคมไทยอาจขาดข้อมูลข้อเท็จจริงบางอย่าง เราเลยเป็นสังคมที่ปัญหาในอดีตได้รับการเเก้ไขน้อยมาก เช่น เราต้องตระหนักว่าทรัพยากรมีจำกัด ไม่สามารถทำให้ทุกคนรวยได้ การมุ่งสนใจเเต่ความสำเร็จตัวเองอาจทำให้สังคมถอยหลัง เหมือนเวลาขับรถตอนรถติดเรานั่งอยู่ในรถเรารู้สึกขับไปข้างหน้า เเต่เมื่อมองจากบนฟ้าเรากำลังเห็นรถถอยหลัง เราต้องเข้าใจมุมนี้ก่อน เราถึงต้องมีรัฐบาล มาจัดการกับปัญหาเหล่านี้ ต่อมาเราต้องเข้าใจว่า "สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับความฟุ้มเฟือยไม่ใช้การออม เเต่เป็นการแบ่งบัน" เราต้องสร้านสังคมที่คนรู้สึกถึงความมั่นคง คนจะได้กล้าแบ่งปัน เช่นเมื่อเจ็บปวดจะได้รับการรักษาที่ฟรี ทุกคนต้องมีที่อยู่อาศัยอาจให้เช่าโดยรัฐในราคาถูก เมื่อคนไม่ได้มุ่งเเต่การออมสะสมเงินเพื่อได้รับการยอมรับ คนจะตั้งใจทำงานมากขึ้น ตำรวจจะทำหน้าได้ดีขึ้น เพราะอยากให้ชาวบ้านยอมรับ ทุกวันนี้ เมื่อคนเข้ารับราชการ ก็สนใจถึงตำแหน่งที่สูงขึ้น เงินเดือนที่สูงขึ้น จนทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ สังคมไทยจึงพัฒนาได้ช้า  
3)กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการกับการศึกษา :