ประวัติคนหางาน
ตำแหน่งงานที่ต้องการ :
ครูสอนวิชาสังคมศึกษา,ครูผู้สอน  
ประเภทของงาน :
งานประจำ  
เงินเดือนที่ต้องการ :
13,000  
สถานที่ต้องการทำงาน
ภาค :
xxxx  
จังหวัด :
xxxx  
เขต/อำเภอ :
xxxx  
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ :
xxxx 
นามสกุล :
xxxx 
เพศ :
หญิง  
วัน/เดือน/ปีเกิด :
13-พฤศจิกายน-2535  
อายุ :
31  
สัญชาติ :
xxxx 
เชื้อชาติ :
xxxx 
ศาสนา :
xxxx  
ส่วนสูง :
xxxx 
น้ำหนัก :
xxxx 
ตำหนิ :
xxxx 
กรุ๊ปเลือด :
xxxx 
สถานที่เกิด :
xxxx 
โรคประจำตัว :
xxxx  
สถานะความเป็นอยู่ :
xxxx 
สถานะครอบครัว :
xxxx 
สถานะทางทหาร :
xxxx 
ที่อยู่ปัจจุบันที่ติดต่อได้สะดวก
ที่อยู่ :
xxxx  
แขวง/ตำบล :
xxxx  
เขต/อำเภอ :
xxxx  
จังหวัด :
xxxx  
รหัสไปรษณีย์ :
xxxx 
เบอร์โทรศัพท์บ้าน :
xxxx  
เบอร์มือถือ :
xxxx  
E-mail :
xxxx
ประวัติการศึกษา
ระดับการศึกษาสูงสุด :
ปริญญาตรี  
ชื่อสถาบันสูงสุด :
xxxx 
สาขา :
ครุศาสตร์-ศึกษาศาสตร์ 
วิชาเอก :
สังคมศึกษา 
เกรดเฉลี่ย :
3.52 
ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู
มี  
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
มี  
ระดับ ชื่อสถาบัน จังหวัด ประเทศ ปีการศึกษา วุฒิที่ได้รับ
xxx  xxx  xxx  xxx  xxx  xxx 
xxx  xxx  xxx  xxx  xxx  xxx 
xxx  xxx  xxx  xxx  xxx  xxx 
ความสามารถทางด้านภาษา
ภาษา
พูด
เข้าใจ
อ่าน
เขียน
ไทย
ดีมาก 
ดีมาก 
ดีมาก 
ดีมาก  
อังกฤษ
พอใช้  
พอใช้  
พอใช้  
พอใช้  
ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ( IT )
โปรแกรม
ความสามารถ ( ใช้งานได้ )
1. โปรแกรมสำนักงาน
(Word , Excel , Powerpoint , Access)
ดีมาก  
2. โปรแกรม Multimedia
(Cai , Flash , Autoware , etc. )
พอใช้  
3. โปรแกรมตัดต่อ VDO , sound , Effect
( Premier , Ulead , Sound Forge , etc. )
พอใช้  
4. โปรแกรมสร้างกราฟิก ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์
( photoshop , Illustrator , etc. )
ไม่ได้เลย  
5. โปรแกรมสร้างเว็บไซต์
( Dreamweawer , Wordpress , CMS ต่างๆ หรืออื่นๆ )
ไม่ได้เลย  
6. การพัฒนาซอฟต์แวร์
6.1 Window based Application
ไม่ได้เลย  
6.2 Web based Application
ไม่ได้เลย  
6.3 Mobile Application
ไม่ได้เลย  
7. ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ชำนาญ
-  
8. Database ที่ชำนาญ
-  
9. ระบบเครือข่าย ( ติดตั้ง-ซ่อมบำรุง )
9.1 Window
ไม่ได้เลย  
9.2 Linux / Unix
ไม่ได้เลย  
10. การซ่อมบำรุงเครื่องคอมพิวเตอร์
(เครื่องคอมพิวเตอร์ , ปรินท์เตอร์ , อื่นๆ )
ไม่ได้เลย  
ความสามารถทางด้านดนตรี
เครื่องดนตรี
ความสามารถ ( ใช้งานได้ )
1. เครื่องดนตรีไทย
(ระนาด , ขลุ่ย , ซอ , พิณ ฯลฯ )
ไม่ได้เลย  
2. เครื่องดนตรีสากล
( เปียโน , คีย์บอร์ด , กีตาร์ ฯลฯ )
ไม่ได้เลย  
ความสามารถทางด้านอื่นๆ
ความสามารถ :
เล่นกีฬาวอลเลย์บอล เปตอง ตะกร้อ  
เกียรติประวัติ - รางวัลต่างๆ
รางวัล
จากสถาบัน
ปี พ.ศ.ที่ได้รับ
ได้รับรางวัลระดับเหรียญทองแข่งขันกิจกรรมการจัดสวนถาดแบบชื้น  
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน  
2552  
สอบผ่านนักธรรมศึกษาชั้นตรี ระดับปริญญาตรี  
พระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระสังฆราช สกลมหา สังฆปริณายก  
2555  
บำเพ็ญประโยชน์  
ศูนย์การศึกษาพิเศษ จ.เลย  
2555  
สอบผ่านมตรฐานตามหลักสูตรคอมพิวเตอร์และเทคโนโยลีสารสนเทศขั้นพื้นฐาน สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี  
มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย  
2558  
ประวัติการทำงาน
ประสบการณ์การทำงาน :
xxxx ปี 
1 )
ชื่อสถานประกอบการ 1 :
xxxx  
ระยะเวลาเริ่มทำวันแรก :
16-พฤษภาคม-2557  
-จนถึงวันสุดท้าย :
29-พฤษภาคม-2557  
ตำแหน่ง 1 :
นักศึกษาฝึกสังเกตการสอน  
เงินเดือนสุดท้าย 1 :
-  
สาเหตุที่ลาออก 1 :
จบหลักสูตรการสังเกตการสอนภาคเรียนที่1  
 
2 )
ชื่อสถานประกอบการ 2 :
xxxx  
ระยะเวลาเริ่มทำวันแรก :
17-ธันวาคม-2557  
-จนถึงวันสุดท้าย :
30-ธันวาคม-2557  
ตำแหน่ง 2 :
นักศึกษาฝึกสังเกตการสอน  
เงินเดือนสุดท้าย 2 :
-  
สาเหตุที่ลาออก 2 :
จบหลักสูตรการสังเกตการสอนภาคเรียนที่2  
 
3 )
ชื่อสถานประกอบการ 3 :
xxxx  
ระยะเวลาเริ่มทำวันแรก :
16-พฤษภาคม-2558  
-จนถึงวันสุดท้าย :
30-มีนาคม-2559  
ตำแหน่ง 3 :
นักศึกษาฝึกปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา  
เงินเดือนสุดท้าย 3 :
-  
สาเหตุที่ลาออก 3 :
จบหลักสูตรการฝึิบัติการสอน  
 
4 )
ชื่อสถานประกอบการ 4 :
xxxx  
ระยะเวลาเริ่มทำวันแรก :
01-มิถุนายน-2559  
-จนถึงวันสุดท้าย :
30-มีนาคม-2560  
ตำแหน่ง 4 :
ธุรการ  
เงินเดือนสุดท้าย 4 :
15000  
สาเหตุที่ลาออก 4 :
ประกอบอาชีพอื่น  
 
5 )
ชื่อสถานประกอบการ 5 :
xxxx  
ระยะเวลาเริ่มทำวันแรก :
27-เมษายน-2561  
-จนถึงวันสุดท้าย :
30-ตุลาคม-2561  
ตำแหน่ง 5 :
ครูผู้สอน  
เงินเดือนสุดท้าย 5 :
8500  
สาเหตุที่ลาออก 5 :
หมดสัญญาจ้าง  
 
การฝึกอบรม
หัวข้อ
สถาบัน
ระยะเวลา
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
บุคคลผู้รับรอง ( อ้างอิงได้ )
ลำดับ
ชื่อ
นามสกุล
ความสัมพันธ์
สถานที่ติดต่อ
เบอร์โทรศัพท์
1
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
2
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
3
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
แสดงความรู้ ความเข้าใจ และทัศนะของท่าน
1)ทัศนคติต่อการศึกษาไทย :
การศึกษาไทยในปัจจุบัน เป็นยุคสังคมแห่งการเรียนรู้ที่เปิดกว้าง มีหลากหลายรูปแบบให้มนุษย์ได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเองได้อย่างรวดเร็วโดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาในสถานศึกษาของไทย เพื่อให้ก้าวทันโลกยุคใหม่ที่ไร้ขอบเขตภายใต้จินตนาการของมนุษย์ที่สร้างขึ้น การศึกษาเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา จะเห็นได้ว่า สถานศึกษาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษ สิ่งที่จำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ คอมพิวเตอร์และระบบอินเตอร์เน็ต สถานศึกษาทุกแห่งมีความต้องการใช้เท่าๆ กัน ความรู้ความเข้าใจที่ทุกคนต้องเข้าไปให้ถึงโลกแห่งสังคมการเรียนรู้และใช้เทคโนโลยีเป็น จะทำให้เกิดคุณค่าและประโยชน์สูงสุดต่อตัวเอง แต่ในทางกลับกันหากใช้อย่างผิดวิธี ก็อาจทำให้เกิดความสูญเสีย ก็เป็นได้ แต่ในปัจจุบัน สถานศึกษาบางแห่งอาจจะไม่ได้รับจัดสรรคอมพิวเตอร์จากภาครัฐเลยก็มี หรืออาจจะไม่มีระบบอินเตอร์เน็ตใช้ก็คงมีอยู่ หรือได้รับการติดตั้งเป็นแบบจานดาวเทียมแต่ใช้งานไม่ได้ ดังนั้นหากรัฐบาลจะส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้โลกกว้างอย่างเท่าเทียมกัน ภาครัฐต้องจัดสรรวัสดุอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัยให้กับสถานศึกษาอย่างจริงจัง จัดสรรครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีความรู้ความชำนาญด้านการใช้เทคโนโลยีมาทำการจัดการเรียนการสอนให้กับเด็กและเยาวชนเหล่านั้น หรือพัฒนาครูที่มีอยู่ให้มีความรู้พร้อมที่จะเรียนรู้และสอนเด็กและเยาวชนได้อย่างมีคุณภาพ ในสถานการณ์ปัจจุบันสถานศึกษาทุกแห่งจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีในการติดต่อสื่อสาร การเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศ การค้นคว้าหาความรู้จากแหล่งต่างๆ ทั้งภายในและต่างประเทศ ดังนั้นภาครัฐรวมถึงภาคเอกชนต้องช่วยกันดูแลโรงเรียนที่อยู่ในชุมชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม เพื่อจะทำให้เด็กและเยาวชนเหล่านั้นได้รับการพัฒนาความรู้ในโลกกว้างอย่างที่แท้จริง  
2)ทัศนคติของท่านต่อสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน :
ในปัจจุบัน สังคมไทยประสบปัญหาที่เกิดจาก การทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย การดื่ม และเสพของมึนเมา เสพสิ่งเสพย์ติด การมีพฤติกรรมทางเพศก่อนวัยอันสมควร การมีพฤติกรรมทางเพศที่ฟุ่มเฟือย ไม่เลือกคู่ การขายบริการทางเพศ การก่อกวนสร้างความเดือดร้อนให้สังคมหลายรูปแบบบิดามารดาและผู้ปกครอง ปกครองบุตรหลานไม่ได้ตามใจมากจนเกินไป ทุกปัญหาที่กล่าวมาล้วนเป็นปัญหาของสังคม ซึ่งทุกคนในสังคมต้องร่วมมือกันแก้ไข เพื่อให้ปัญหาลดน้อยลงหรือหมดไป องค์กรที่สำคัญที่สุดซึ่งใกล้ชิดเยาวชนมากที่สุด ได้แก่ ครอบครัวของเยาวชนและสถานศึกษาที่เยาวชนศึกษาอยู่ ซึ่งมีหน้าที่ให้การศึกษา อบรมบ่มนิสัย ประคับประคอง อุ้มชู ให้ความรัก ความอบอุ่น ตลอดจนความเอื้ออาทร ซึ่งมีอิทธิพลต่อการกระทำและพฤติกรรมของเยาวชนในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านบวกและด้านลบ นักเรียนมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไม่พึงประสงค์นั้นเกิดจากการเลี้ยงดูเบื้องต้นเกือบทั้งสิ้น เช่น 1. การให้ความรักและให้ทุกอย่าง รวมถึงการตามใจจนไร้ขอบเขต 2. การดุด่าไม่ยอมรับฟังอย่างไรเหตุผล 3. การทอดทิ้งให้อยู่โดยลำพัง 4. การให้เงินและเครื่องอำนวยความสะดวกมากเกินไป 5. การปกป้องเข้าข้างอย่างผิดๆ ของพ่อแม่ ผู้ปกครอง 6. การยอมให้กระทำในสิ่งที่ผิดๆ และการกระทำบางอย่างก่อนวัยอันสมควร 7. การกระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมของบิดามารดา และผู้ปกครองให้เยาวชนดู นอกจากวัฒนธรรมการเลี้ยงดูอย่างผิดๆ จากครอบครัวมีอิทธิพลต่อเยาวชนแล้ว การสอนและการอบรมบ่มนิสัยของครูอาจารย์ก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยต่อพฤติกรรมของเยาวชน เช่น 1. ครู เปลี่ยนจากการเป็นครูเป็นผู้ให้ความรู้ 2. ครู เอาใจใส่นักเรียนซึ่งเป็นศิษย์น้อยเกินไป 3. ครู ไม่ยอมแก้ไขสิ่งที่นักเรียนกระทำผิด 4. ครู ไม่กระทำตนเป็นแบบอย่างที่ดีของศิษย์ 5. ครู ปล่อยภาระการแก้ไขพฤติกรรม และปกครองนักเรียนให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครองเพียงฝ่ายเดียว 6. ครู ไม่สามารถลงโทษนักเรียนแบบครู และศิษย์เหมือนในอดีต 7. ครู ปกครองศิษย์ไม่ได้ สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นล้วนเป็นสาเหตุสำคัญต่อพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนของเยาวชนทั้งสิ้นอันนำไปสู่นิสัยการเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต องค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างบุคลกรที่เข้มแข็งให้บ้านเมืองทุกฝ่าย ซึ่งหมายถึง ครอบครัว สถานศึกษา ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ซึ่งเป็นกำหนดนโยบายทั้งในการศึกษาเล่าเรียน และการปกครองนักเรียนหรือเยาวชนต้องหันกลับมาทบทวนการเลี้ยงดู การให้การศึกษาและการอบรมบ่มนิสัย การให้ความรับผิดชอบและการให้รางวัล การลงโทษเยาวชนของไทยใหม่ เพื่อสังคมไทยจะได้มีบุคลากรที่มีความเข้มแข็งทั้งด้านระเบียบวินัย คุณธรรม จริยธรรม ความรู้ ความสามารถมาพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ให้สามารถแข่งขันกับนานาชาติบนเวทีโลกอย่างสง่างามต่อไป  
3)กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการกับการศึกษา :
กัลยาณมิตรธรรมสำหรับครูเป็นไปหลักธรรมความเป็นกัลยาณมิตร 7 ประการ มีดังนี้ 1. ปิโย มีความน่ารักด้วยการเปิดเผย เด็กรู้สึกสบายใจอบอุ่นสนิทสนม ชวนให้เข้าไปถามไปปรึกษา เป็นที่ไว้วางใจ 2. ครุ มีความน่าเคารพด้วยการประพฤติ สมควรแก่ฐานะเด็กเกิดความรู้สึกอบอุ่นใจ เป็นที่พึ่งได้ปลอดภัย 3. ภาวนีโยมีความน่ายกย่องด้วยความเป็นผู้รอบรู้ ทรงภูมิปัญญาที่แท้จริง รวมทั้งปรับปรุงตนเอง เป็นที่เอาอย่าง ทำให้เด็กได้ระลึกถึง ได้เอ่ยอ้างถึงด้วยความภูมิใจ 4.วัตตาจะ รู้จักพูดให้เหตุผล รู้จักชี้แจงให้เข้าใจให้คำแนะนำ ว่ากล่าวตักเตือนเป็นผู้ให้คำปรึกษาที่ดี 5. วจนักขโม อดทนต่อถ้อยคำพร้อมที่จะรับฟังคำปรึกษา ซักถามคำเสนอแนะข้อวิพากษ์วิจารณ์อดทนฟังได้ไม่เบื่อ ไม่ฉุนเฉียว เป็นผู้ใจกว้างเปิดใจยอมรับความคิดเห็น 6. คัมภีรัญจะกถังกัตตาแถลงเรื่องล้ำลึกได้สามารถอธิบาย เรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อนให้เข้าใจให้เรียนรู้เรื่องราวที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไป สามารถอธิบายให้ความกระจ่างได้ 7. โนจัฏฐาเนนิโยชเยไม่แนะนำ ในเรื่องเหลวไหลชักจูงไปในทางเสื่อมเสีย เป็นแบบอย่างที่ดีเป็นตัวแบบที่ดี กัลยาณมิตรเป็นปัจจัยสำคัญในการก่อให้ผู้เรียนมีความรู้ วิธีคิด และการปฏิบัติที่ถูก เป็นพื้นฐานของการเกิดสัมมาทิฏฐิ คือ หลักการ กฎเกณฑ์ ทฤษฎี กับสัมมาสังกับปะ คือ ความคิดรวบยอดที่ถูก หรือมโนทัศน์ มโนมติ เนื่องจากความรู้เกี่ยวกับหลักการ กฎเกณฑ์ และความคิดรวบยอดเหล่านี้จะนำไปใช้ในการตรึกตรองในกระบวนการคิดพิจารณาความสัมพันธ์ของเหตุและผลในโยนิโสมนสิการ การเรียนรู้และฝึกกระบวนการคิดแบบโยนิโสมนสิการ มีความประสงค์ให้ผู้เรียนได้รู้จักวิธีคิด ตรึกตรอง อย่างมีจุดหมาย เป็นลำดับขั้น มีเหตุผลและก่อให้เกิดประโยชน์ ซึ่งเป็นแนวทางนำไปสู่การแก้ปัญหาและสร้างสรรค์ เริ่มจากหลักพื้นฐาน 4 ประการ คือ 1. อุบายมนสิการ เป็นการคิดหรือพิจารณาโดยอุบาย (เพื่อไปสู่เป้าหมาย) คือ การคิดอย่างมีวิธีหรือถูกวิธี ซึ่งหมายถึง การเข้าถึงความจริง สอดคล้องกับแนวสัจจะ ซึ่งทำให้รู้สภาวะลักษณะและสามัญลักษณะของสิ่งทั้งหลาย 2. ปถมนสิการ เป็นการคิดถูกทาง ต่อเนื่องเป็นลำดับ หมายถึง ความคิดที่เป็นระเบียบตามหลักเหตุผล ไม่ยุ่งเหยิงสับสน จิตไม่แว๊บติดพันในเรื่องนี้ แต่เดี๋ยวกลับเตลิดไปคิดอีกเรื่องหนึ่ง จิตยุ่งเหยิงนี้กระโดดไปมา ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่รวมทั้งความสามารถในการชักความนึกคิดไปสู่แนวทางที่ถูกต้อง 3. การณมนสิการการคิดอย่างมีเหตุผล เป็นการสืบค้นตามแนวความสัมพันธ์สืบทอดแห่งเหตุปัจจัย พิจารณาสืบสาวหาสาเหตุ ให้เข้าใจถึงต้นเค้า หรือแหล่งที่มาซึ่งส่งผลต่อเนื่องตามลำดับ 4. อุปปาทกมนสิการ การคิดการพิจารณาให้เกิดกุศลธรรม เช่น การพิจารณาที่ทำให้มีสติ หรือทำให้จิตใจเข้มแข็งมั่นคง เป็นต้น