ตำแหน่งงานที่ต้องการ :
ครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์
เงินเดือนที่ต้องการ :
10,000
สถานที่ต้องการทำงาน
ข้อมูลส่วนตัว
วัน/เดือน/ปีเกิด :
23-มกราคม-2538
ที่อยู่ปัจจุบันที่ติดต่อได้สะดวก
ประวัติการศึกษา
ระดับการศึกษาสูงสุด :
ปริญญาตรี
ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
ระดับ |
ชื่อสถาบัน |
จังหวัด |
ประเทศ |
ปีการศึกษา |
วุฒิที่ได้รับ |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
ความสามารถทางด้านภาษา
ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ( IT )
โปรแกรม |
|
1. โปรแกรมสำนักงาน (Word , Excel , Powerpoint , Access) |
|
2. โปรแกรม Multimedia (Cai , Flash , Autoware , etc. ) |
|
3. โปรแกรมตัดต่อ VDO , sound , Effect ( Premier , Ulead , Sound Forge , etc. ) |
|
4. โปรแกรมสร้างกราฟิก ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ( photoshop , Illustrator , etc. ) |
|
5. โปรแกรมสร้างเว็บไซต์ ( Dreamweawer , Wordpress , CMS ต่างๆ หรืออื่นๆ ) |
|
6. การพัฒนาซอฟต์แวร์ |
6.1 Window based Application |
|
6.2 Web based Application |
|
6.3 Mobile Application |
|
7. ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ชำนาญ |
|
8. Database ที่ชำนาญ |
|
9. ระบบเครือข่าย ( ติดตั้ง-ซ่อมบำรุง ) |
9.1 Window |
|
9.2 Linux / Unix |
|
10. การซ่อมบำรุงเครื่องคอมพิวเตอร์ (เครื่องคอมพิวเตอร์ , ปรินท์เตอร์ , อื่นๆ ) |
|
ความสามารถทางด้านดนตรี
เครื่องดนตรี |
|
1. เครื่องดนตรีไทย (ระนาด , ขลุ่ย , ซอ , พิณ ฯลฯ ) |
|
2. เครื่องดนตรีสากล ( เปียโน , คีย์บอร์ด , กีตาร์ ฯลฯ ) |
|
ความสามารถทางด้านอื่นๆ
ความสามารถ :
เย็บ ปัก ถัก ร้อย
เกียรติประวัติ - รางวัลต่างๆ
รางวัล |
จากสถาบัน |
ปี พ.ศ.ที่ได้รับ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ประวัติการทำงาน
ประสบการณ์การทำงาน :
xxxx ปี
การฝึกอบรม
หัวข้อ |
สถาบัน |
ระยะเวลา |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
บุคคลผู้รับรอง ( อ้างอิงได้ )
ลำดับ |
ชื่อ |
นามสกุล |
ความสัมพันธ์ |
สถานที่ติดต่อ |
เบอร์โทรศัพท์ |
1 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
2 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
3 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
แสดงความรู้ ความเข้าใจ และทัศนะของท่าน
1)ทัศนคติต่อการศึกษาไทย :
การสอนสมัยนี้ เน้นเพียงให้ผู้ศึกษาสามารถทำตามที่สอนได้เท่านั้น
แต่ไม่เน้นในการให้ผู้ศึกษาค้นพบวิธีของตนเอง คนที่เรียนดี จะเรียนดีเพราะคิดเหมือนได้เท่านั้น ไม่ใช่คิดต่าง
จึงเกิดการคัดลอกกันเอง ทำให้ไม่มีอะไรใหม่ๆเพิ่มเติม นอกจากที่เรียนมา
นอกจากนั้น การเรียนสมัยนี้ เป็นการเรียนแบบ มัดซุงวิชาเรียน คือการให้ผู้เรียน ศึกษากับวิชาหลายๆวิชาในวันเดียวกัน
โดยไม่สนใจเรื่องตัวผู้เรียน แต่สนใจเรื่องผลลัพธ์การเรียน โดยเมื่อผลลัพธ์วิชาใดๆได้ผลต่ำกว่าเกณฑ์ที่สมมุติขึ้น
วิชาอื่นๆจะถูกเหมารวมไปด้วย การเรียนแบบ มัดซุงวิชาเรียน จึงเป็นการเรียนที่ทำให้ ความถนัด และ ความสามารถเพราะ ของผู้เรียนถดถอยลงอย่างน่าเสียดาย ทั้งด้านความสามารถ และสุขภาพจิต ด้วยเหตุผลที่ว่า คนส่วนใหญ่มองเรื่องคะแนนเป็นหลัก เมื่อได้คะแนนที่น้อย จะทำให้ถูกคนส่วนใหญ่ตำหนิ โดยเฉพาะพ่อแม่และครูอาจารย์ ดังนั้นผู้เรียนจะเริ่มพยายามสละการเรียนแบบที่ตนชอบและถนัด มาเรียนแบบ มัดซุงวิชาเรียน หรือสรุปง่ายๆที่สุดคือ การเรียนสมัยนี้ เป็นการเรียนที่ไม่ตรงเป้าหมายผู้เรียน และพยายามให้ผู้เรียน ทำตามเป้าหมายที่สมมุติขึ้นมาเอง
และอย่างที่สามคือการเรียนที่มองเรื่องคะแนนเป็นหลัก และมองเรื่องบุคคลเป็นรอง แม้จะสอนให้เป็นคนดี มีมารยาท เชื่อฟังคำสั่งสอนของคุณครู แต่เพราะด้วยเหตุผลนี้ ทำให้นักเรียนไม่กล้าที่จะคิดต่าง เมื่อคิดต่าง ครูจะมองว่าไม่เชื่อฟัง นักเรียนด้วยกันจะมองว่าเป็นตัวประหลาด เกิดความอับอายแม้ไม่ถูกลงโทษใดๆ ส่วนทางด้านครู จะมองนักเรียนในด้านคะแนน แม้จริงๆครูจะมองพฤติกรรมจริงๆของตัวนักเรียนตลอด ว่าเกเรหรือไม่ แต่เพราะมีคะแนนเป็นตัววัด ทำให้ครูสามารถมองออกว่านักเรียนเป็นคนดีหรือคนไม่ดีได้อย่างเดียว แต่มองไม่ออกว่าความสามารถจริงๆของนักเรียนคืออะไร เมื่อนักเรียนได้คะแนนน้อยในวิชานั้นๆ ครูจะพยายามสอนให้นักเรียนคนนั้นทำคะแนนให้สูงขี้นให้ได้ โดยเพราะกังวลว่านักเรียนจะมีปัญหาเรื่องจบการเรียน มากกว่าจะถามว่านักเรียนเต็มใจที่จะเรียนหรือไม่ ด้วยระบบคะแนนเป็นตัวกำหนดชะตากรรมชีวิตของครูและนักเรียนทุกคน ทำให้ครูไม่สามารถสอนในแบบที่ครูสอนได้ แต่จะสอนเพียงเพีอให้นักเรียนทำคะแนนให้สูงขึ้นได้เท่านั้น เป็นวัฎจักรการศึกษา ที่ทำให้ครูไม่ประสบความสำเร็จในการสอน และนักเรียนไม่ประสบความสำเร็จในการเรียนได้ ด้วยระบบคะแนน
2)ทัศนคติของท่านต่อสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน :
สังคมไทย ก็กำลังถูก เทคโนโลยี่การสื่อสาร ความเจริญ
ทำลายจนความคิดคนมันบิดเบี้ยวไปเยอะทีเดียว
แต่ในฐานะที่อยู่เมืองไทย หนูว่าสังคมไทยก็มีความสุขดี และมันมีอยู่จริง เป็นจริง เป็นสังคมที่มีความสุขได้ไม่ยาก
ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา ที่เราจะเลือกรับ หนูไม่สนใจข่าวสารจากสื่อต่างๆ
หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ เฟสบุ๊ค ไม่อยากรู้ เพราะไม่จำเป็นต้องรู้ ไม่กลัวว่าจะคุยกับใครไม่รู้เรื่อง
ไม่เสพติด สิ่งที่ไม่ดี ไม่รู้ก็ไม่เห็นจะมีผลเสียอย่างไรกับตัวเรา
สิ่งที่ได้รับคือ ความสุข ความสวยงาม ของสังคม ของธรรมชาติ อาหารการกิน
แต่หนูใช้ชีวิต อยู่บ้านนอก เลยสบาย ถ้าอยู่ในเมืองใหญ่ อาจยากขึ้นนิด แต่ก็ทำได้ จะดี เลวร้าย น่าอยู่ ส่วนมากก็มาจากเราเลือก เราคิด ซึ่งมันฝึกกันได้
แค่ไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน คนอื่น มากเกินไป ก็ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ
3)กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการกับการศึกษา :