ตำแหน่งงานที่ต้องการ :
ครูสอนวิชาศิลปะ
เงินเดือนที่ต้องการ :
15,000
สถานที่ต้องการทำงาน
ข้อมูลส่วนตัว
วัน/เดือน/ปีเกิด :
26-กุมภาพันธ์-2539
ที่อยู่ปัจจุบันที่ติดต่อได้สะดวก
ประวัติการศึกษา
ระดับการศึกษาสูงสุด :
ปริญญาตรี
สาขา :
ครุศาสตร์-ศึกษาศาสตร์
วิชาเอก :
ศิลปศึกษาแขนงทัศนศิลป์
ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
ระดับ |
ชื่อสถาบัน |
จังหวัด |
ประเทศ |
ปีการศึกษา |
วุฒิที่ได้รับ |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
ความสามารถทางด้านภาษา
ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ( IT )
โปรแกรม |
|
1. โปรแกรมสำนักงาน (Word , Excel , Powerpoint , Access) |
|
2. โปรแกรม Multimedia (Cai , Flash , Autoware , etc. ) |
|
3. โปรแกรมตัดต่อ VDO , sound , Effect ( Premier , Ulead , Sound Forge , etc. ) |
|
4. โปรแกรมสร้างกราฟิก ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ( photoshop , Illustrator , etc. ) |
|
5. โปรแกรมสร้างเว็บไซต์ ( Dreamweawer , Wordpress , CMS ต่างๆ หรืออื่นๆ ) |
|
6. การพัฒนาซอฟต์แวร์ |
6.1 Window based Application |
|
6.2 Web based Application |
|
6.3 Mobile Application |
|
7. ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ชำนาญ |
|
8. Database ที่ชำนาญ |
|
9. ระบบเครือข่าย ( ติดตั้ง-ซ่อมบำรุง ) |
9.1 Window |
|
9.2 Linux / Unix |
|
10. การซ่อมบำรุงเครื่องคอมพิวเตอร์ (เครื่องคอมพิวเตอร์ , ปรินท์เตอร์ , อื่นๆ ) |
|
ความสามารถทางด้านดนตรี
เครื่องดนตรี |
|
1. เครื่องดนตรีไทย (ระนาด , ขลุ่ย , ซอ , พิณ ฯลฯ ) |
|
2. เครื่องดนตรีสากล ( เปียโน , คีย์บอร์ด , กีตาร์ ฯลฯ ) |
|
ความสามารถทางด้านอื่นๆ
ความสามารถ :
ศิลปะทัศนศิลป์
เกียรติประวัติ - รางวัลต่างๆ
รางวัล |
จากสถาบัน |
ปี พ.ศ.ที่ได้รับ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ประวัติการทำงาน
ประสบการณ์การทำงาน :
xxxx ปี
1 )
ชื่อสถานประกอบการ 1 :
xxxx
ตำแหน่ง 1 :
นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู
การฝึกอบรม
หัวข้อ |
สถาบัน |
ระยะเวลา |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
บุคคลผู้รับรอง ( อ้างอิงได้ )
ลำดับ |
ชื่อ |
นามสกุล |
ความสัมพันธ์ |
สถานที่ติดต่อ |
เบอร์โทรศัพท์ |
1 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
2 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
3 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
แสดงความรู้ ความเข้าใจ และทัศนะของท่าน
1)ทัศนคติต่อการศึกษาไทย :
การเรียนการสอนในสมัยนี้ในบางโรงเรียนรวมไปถึงส่วนมากเน้นเพียงให้ผู้เรียนทำตามที่สอนได้เท่านั้นไม่ได้เน้นให้ผู้เรียนศึกษาด้วยตนเอง คนที่เรียนดีจะเรียนดีเพราะคิดเหมือนเท่านั้นไม่ใช่คิดต่าง จึงเกิดการคัดลอกกันเอง คัดลอกจากในอินเตอร์เน็ต จับก๊อปปี้วางปริ้นส่งได้คะแนน แม้แต่ในมหาลัยเองก็ยังเป็นเช่นนี้อยู่ นอกจากนั้นครูให้ผู้เรียนศึกษาหลายๆวิชาในวันเดียวกันโดยไม่สนใจเรื่องตัวผู้เรียน สนใจแต่ผลลัพธ์ โดยเมื่อผลลัพธ์วิชาใดต่ำกว่าเกณฑ์วิชาอื่นๆก็ถูกเหมารวมไปด้วย การเรียนแบบนี้ทำให้ความถนัดความสามารถเฉพาะตัวของผู้เรียนเริ่มถดถอยลงไป ด้วยเหตุผลที่ว่าคนส่วนใหญ่มองเรื่องคะแนนเป็นหลักเมื่อได้คะแนนน้อยจะถูกคนส่วนใหญ่ตำหนิ โดยเฉพาะพ่อแม่ครูอาจารย์ ดังนั้นผู้เรียนจะเริ่มสละการเรียนที่ตัวเองชอบมาเรียนเฉพาะวิชาหลัก และต่อมาเรื่องคะแนนเป็นหลักและมองบุคลิกเป็นรอง แม้จะสอนให้เป็นคนดีมีมารยาทเชื่อฟังคำสั่งคำสอนของครู เนื่องด้วยเหตุนี้ทำให้เด็กไม่กล้าคิดต่าง เพราะเมื่อคิดต่างก็จะถูกมองว่าไม่เชื่อฟัง เช่น ครูบอกว่าใครมีอะไรไม่เข้าใจให้ถาม พอเด็กถามกลับถูกต่อว่า เด็กก็จะอายเพื่อนรู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาด เมื่อมีเด็กได้คะแนนน้อยๆวิชานั้นๆ ครูจะพยายามให้นักเรียนได้คะแนนสูงขึ้นโดยเพราะกังวลว่าเด็กจะมีปัญหาเรื่องการเรียนจบมากกว่าจะถามว่านักเรียนพอใจหรือไม่ เพราะถ้าหากไม่จบครูต้องมีปัญหากับผู้อำนวยการแน่นอน และนอกจากคะแนนสอบแล้วซ้ำไปกว่านั้นคือเด็กที่ติด 0,ร,มส.เด็กที่ไม่เข้าเรียนเนื่องจากมั่วสุมยาเสพติดอบายมุขหรือเรื่องทางเพศ ในทางที่ควรเด็กเหล่านี้ควรจะได้รับการเรียนรู้เพิ่มเติมในช่วงเวลาที่ขาดหาย โดยที่ครูอาจหาเทคนิควิธีที่ทำให้พวกเค้าสนใจหาเทคนิคอย่างง่ายที่ทำให้พวกเค้าเข้าใจง่ายรวดเร็ว และสนุกทำให้พวกเค้ารู้สึกว่าการมาเรียนตรงนี้มันก็สนุกดีนะก็เรียนง่ายดีนะเราก็ไม่ได้โง่นะเราเรียนได้ แต่ในชีวิตจริงแล้วครูให้เด็กซื้อของมาแลกกลับเกรดหรืออาจจะเป็นการทำความสะอาด มันคือการลงโทษมากกว่าช่วยเหลือ ทั้งยังสร้างลักษณะนิสัยไม่ดีทำให้ผู้เรียนเคยตัวจะเข้าเรียนก็ได้ไม่เข้าก็ได้ซื้อของแลกเดี๋ยวก็จบ ปัญหาอีกอย่างคือครูกลัวเด็กจะสอบไม่ผ่าน สิ่งที่ควรทำคือหาเทคนิคอย่างง่ายที่ทำให้ผู้เรียนรู้จักคิดวิเคราะห์ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง่อที่ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้เกิดทักษะอย่างแท้จริง แต่ในชีวิตจริงครูยื่นกระดาษเฉลยคำตอบให้นักเรียนก่อนสอบ นอกจากเด็กจะไม่เกิดความรู้แล้วยังปลูกฝังนิสัยการทุจริตอีกด้วย และสุดท้ายสำคัญมากคือเวลาเรียน บางโรงเรียนเริ่มเรียนที่08:30 พักเที่ยง1ชั่วโมง แล้วสอนยาวจนถึงเลิกโรงเรียน เด็กไม่มีเวลาได้เล่น ไม่มีเวลาได้ทบทวนความรู้ ไม่มีเวลาได้ศึกษาความรู้เพิ่มเติมหรือปรึกษาปัญหากับคุณครูเลย เรียนเยอะไม่พอพ่อแม่บางคนส่งลูกเรียนพิเศษ เลอกห้าโมงเย็น กว่าจะกลับถึงบ้านการบ้านอีกที่สั่งยาวเหยียดทุกวิชา กว่าเด็กจะทำเสร็จตี1ตี2 ไม่มีเวลาได้เล่น ส่งผลให้สมองเหนื่อยหล้า อีคิวก็ต่ำลง เด็กควรมีเวลาได้เล่นได้ออกไปเตะฟุตบอลได้ออกไปออกกำลังกาย เล่นดนตรีวาดรูป หรือทำงานอดิเรกของตัวเอง มีเวลาได้พูดคุยกับพ่อแม่อยู่กับครอบครัว ต่อมาเป็นเรื่องของเวลาในชั่วโมงเรียน ความโหดของครูนั้นหรือวิธีการสอนที่น่าเบื่อเน้นแค่หลักทฤษฎีหรือสนใจเฉพาะเด็กที่เรียนเก่งๆ มันทำให้ชั่วโมงนั้นกลายเป็นชั่วโมงน่าเบื่อของเด็กหลายๆคน ครูควรให้ความสำคัญกับเด็กทุกคน ฟังในสิ่งที่เด็กต้องการจะสื่อ ให้คำแนะนำให้วิธีคิดหรือค้นหาวิธีไปพร้อมกับผู้เรียนมากว่าสั่งให้ทำตามที่ตนรู้ การที่ทำให้ผู้เรียนมีความสำคัญในวิชานั้นๆผู้จะเกิดความสนใจอยากรู้อยากเรียนเกิดความสมัครใจแม้จะใช้เวลาเรียนถึง2ชั่วโมงต่อวันก็จะไม่น่าเบื่อและได้อะไรๆมากกว่าที่เคยนั่งเรียนกันมา20ปีเพียงเพื่อเอาตัวรอดกับการศึกษาไทยไปวันๆ
2)ทัศนคติของท่านต่อสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน :
ไทยในปัจจุบันมีปัญหาเกิดขึ้นมากมายทั้งเศรษฐกิจสภาพแวดล้อม ทำให้มีการแข่งขันกันสูงมาก ความคิดก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปความมีน้ำใจก็ลดลงความเห็นแก่ตัวก็มากขึ้น และที่ยิ่งเริ่มหายไปก็คือการให้อภัยเช่น จะมีข่าวเยอะแยะมากมายที่เกี่ยวกับวัยรุ่นแค่มองหน้ากันก็ถือว่าหยามเกียรติหยามศักดิ์ศรีกันถึงขั้นฆ่ากันตาย หรือข่าวที่ว่าขับรถเฉี่ยวกัน ขับรถปาดหน้า ถ้าแค่ลงไปขอโทษแล้วให้อภัยซึ่งกันและกันมันก็จบเรื่องไป แต่ในสังคมปัจจุบันคือไม่ทะเลาะอัดคลิปไลฟ์สดประจานอยู่ตรงนั้นก็คือฆ่ากันตาย นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องคุณธรรมจริยธรรมเช่นการปล้นข่มขืนคนสูงวัย หรือจะเป็นเรื่องการทารุณกรรมต่อสัตว์เช่น สุนัข แมว ต่างก็เยอะมากๆ และคนไทยในสังคมปัจจุบันไม่ค่อยเคารพกฏหมายกันสักเท่าไหร่ เช่น ไม่ใส่หมวกกันน็อคหรือไม่มีใบนขับขี่แต่พอเจอตำรวจตั้งด่านกลับไม่ยอมเสียค่าปรับแต่กลับทำการไลฟ์สดหรือถ่ายคลิปประจานแทน เหมือนว่าในสังคมปัจจุบันนี้โลกโซเชียลคือตัวตัดสินว่าอะไรถูกอะไรผิด จนในบางครั้งก็ลืมมองความเป็นจริงไป ทั้งหมดนี้คือปัญหาและสภาพความเป็นจริงของสังคมไทยในปัจจุบัน ทั้งที่ในอดีตไทยเราเป็นเมืองที่มีแต่รอยยิ้ม ผู้คนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันมีศีลธรรมอันดีงาม ผู้คนเรียกแทนตัวเองว่าลุงป้าน้าได้ ทุกคนให้อภัยกันในทุกเรื่องของความผิดพลาดได้
3)กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการกับการศึกษา :
ความเป็นกัลยาณมิตรของครูจะช่วยสร้างสรรค์บรรยากาศการเรียนรู้ที่ดีในชั้นเรียนได้ -ช่วยให้เด็กมีความสุขสะดวกสบายในการเรียนเพราะครูใจดีบรรยากาศไม่อึดอัด -เด็กรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยจากการที่ครูให้ความั่นใจ เอาใจใส่ดูแลให้ความเมตตา -เด็กได้ความรักความเอาใจใส่จากการที่ครูใช้คำพูดเสริมแรง ให้กำลังใจชื่นชมยกย่องเมื่อทำงานสำเร็จเปิดใจกว้างยอมรับฟังเหตผลของนักเรียน -เด็กได้รับควาภาคภูมิใจชื่นชมในตัวเองจากการที่ครูจัดการเรียนรู้ตามศักยภาพเปิดโอกาสให้ผู้เรียนทุกคนพบกับความสำเร็จของตนเอง หาวิธีการนำส่วนที่ดีของแต่ละคนมาใช้ประโยชน์ในการทำกิจกรรมกลุ่ม -เด็กได้ทำในสิ่งที่ตนเองปราถนาสูงสุดจากการที่ครูให้อิสระในการเรียนรู้การสร้างสรรค์ผลงานของตนเองในระบบกลุ่มทุกคนร่วมมือกันเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ทุกคนมีความสำคัญได้รับการยอมรับในคุณค่าตัวเอง
โยนิโสมนสิการเป็นการคิดพิจารณาโดยแยบคายกล่าวคือควรเป็นผู้ฉลาดในการคิดในทางกระบวนการสอนเป็นวิธีที่ให้บุคคลมีหลักการคิดวิธีการคิดที่ก่อให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปใช้ในกระบวนการเรียนรู้ หรือเรียกง่ายๆว่ากระบวกการคิดหาเหตุ หรือกระบวนคิดพิจารณาหาเหตุ