ตำแหน่งงานที่ต้องการ :
ครูสอนประถมศึกษา
เงินเดือนที่ต้องการ :
13,000
สถานที่ต้องการทำงาน
ข้อมูลส่วนตัว
วัน/เดือน/ปีเกิด :
09-สิงหาคม-2536
ที่อยู่ปัจจุบันที่ติดต่อได้สะดวก
ประวัติการศึกษา
ระดับการศึกษาสูงสุด :
ปริญญาตรี
สาขา :
ครุศาสตร์-ศึกษาศาสตร์
ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
ระดับ |
ชื่อสถาบัน |
จังหวัด |
ประเทศ |
ปีการศึกษา |
วุฒิที่ได้รับ |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
ความสามารถทางด้านภาษา
ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ( IT )
โปรแกรม |
|
1. โปรแกรมสำนักงาน (Word , Excel , Powerpoint , Access) |
|
2. โปรแกรม Multimedia (Cai , Flash , Autoware , etc. ) |
|
3. โปรแกรมตัดต่อ VDO , sound , Effect ( Premier , Ulead , Sound Forge , etc. ) |
|
4. โปรแกรมสร้างกราฟิก ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ( photoshop , Illustrator , etc. ) |
|
5. โปรแกรมสร้างเว็บไซต์ ( Dreamweawer , Wordpress , CMS ต่างๆ หรืออื่นๆ ) |
|
6. การพัฒนาซอฟต์แวร์ |
6.1 Window based Application |
|
6.2 Web based Application |
|
6.3 Mobile Application |
|
7. ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ชำนาญ |
|
8. Database ที่ชำนาญ |
|
9. ระบบเครือข่าย ( ติดตั้ง-ซ่อมบำรุง ) |
9.1 Window |
|
9.2 Linux / Unix |
|
10. การซ่อมบำรุงเครื่องคอมพิวเตอร์ (เครื่องคอมพิวเตอร์ , ปรินท์เตอร์ , อื่นๆ ) |
|
ความสามารถทางด้านดนตรี
เครื่องดนตรี |
|
1. เครื่องดนตรีไทย (ระนาด , ขลุ่ย , ซอ , พิณ ฯลฯ ) |
|
2. เครื่องดนตรีสากล ( เปียโน , คีย์บอร์ด , กีตาร์ ฯลฯ ) |
|
ความสามารถทางด้านอื่นๆ
ความสามารถ :
-กีฬาวอลเล่ห์บอล
-ครูสอนภาษาไทย
-ครูสอนสังคม
เกียรติประวัติ - รางวัลต่างๆ
รางวัล |
จากสถาบัน |
ปี พ.ศ.ที่ได้รับ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ประวัติการทำงาน
ประสบการณ์การทำงาน :
xxxx ปี
1 )
ชื่อสถานประกอบการ 1 :
xxxx
ตำแหน่ง 1 :
ครูอัตตราจ้าง
เงินเดือนสุดท้าย 1 :
12,000
สาเหตุที่ลาออก 1 :
ย้ายกลับมากทมค่ะ
2 )
ชื่อสถานประกอบการ 2 :
xxxx
ตำแหน่ง 2 :
พนักงานต้อนรับ
เงินเดือนสุดท้าย 2 :
18,500
สาเหตุที่ลาออก 2 :
ต้องการหางานที่ตรงกับสายที่เรียนจบมาค่ะ
3 )
ชื่อสถานประกอบการ 3 :
xxxx
ตำแหน่ง 3 :
ประชาสัมพันธ์/ธุรการ
เงินเดือนสุดท้าย 3 :
10,500
สาเหตุที่ลาออก 3 :
โรงเรียนไม่ค่อยมีเด็กนักเรียนค่ะ
4 )
ชื่อสถานประกอบการ 4 :
xxxx
5 )
ชื่อสถานประกอบการ 5 :
xxxx
การฝึกอบรม
หัวข้อ |
สถาบัน |
ระยะเวลา |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
บุคคลผู้รับรอง ( อ้างอิงได้ )
ลำดับ |
ชื่อ |
นามสกุล |
ความสัมพันธ์ |
สถานที่ติดต่อ |
เบอร์โทรศัพท์ |
1 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
2 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
3 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
แสดงความรู้ ความเข้าใจ และทัศนะของท่าน
1)ทัศนคติต่อการศึกษาไทย :
1.ในมุมมองของข้าพเจ้า คิดว่าต้นเหตุของภาวะการศึกษาไทยที่เป็นอยู่ มาจากหลายประการ เช่น โอกาสและมาตรฐานทางการศึกษาที่ไม่ทั่วถึง - แหล่งการศึกษา ครูอาจารย์ที่มีคุณภาพมักกระจุกอยู่ตามเมืองใหญ่หรือเมืองหลวง ประกอบกับนักเรียนในเขตเมืองนั้นมีโอกาสทางการศึกษาที่มากกว่า ทั้งความพร้อมด้านสถานที่และครอบครัว ต่างจากโรงเรียนในชนบท อีกทั้งนักเรียนชนบทบางคนไม่สามารถเรียนต่อได้เนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจ ความยากจนและอื่นๆ สาเหตุนี้ทำให้เมื่อเฉลี่ยคะแนนสอบต่างๆทั้งประเทศ มักจะต่ำกว่ามาตรฐาน แต่หากยกเฉพาะในเขตเมืองแล้วอาจสูงเทียบเท่าบางประเทศอย่างมาเลเซียหรือสิงคโปร์ได้ โรงเรียนบางแห่งมีคะแนนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยทั้งประเทศ โอกาสสอบเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นของเด็กในเมืองก็มีมากกว่า เด็กชนบทที่ข้ามมาถึงจุดนั้นได้มีน้อยมาก
2.สิ่งยั่วยุที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้นักเรียนไม่สนใจการเรียน
3.การจัดการศึกษาแบบรวมศูนย์เกินไป ไม่คำนึงถึงความแตกต่างของผู้เรียน เช่น กรณีที่มีเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้กว่าแสนคน บริเวณที่มีอัตราส่วนนักเรียนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้สูงที่สุดคือในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากความแตกต่างทางวัฒนธรรมและภาษา
4.ผู้ปกครองบางส่วนแต่เดิมไม่เห็นความสำคัญของการศึกษา มักให้บุตรหลานอยู่ช่วยทำงานมากกว่า เลยมักให้เรียนจบเพียงภาคบังคับ เกิดเป็นความคิดส่งต่อจากรุ่สู่รุ่น
5.สภาพแวดล้อมในโรงเรียนที่ส่งผลเสีย เช่น การมีนักเรียนมากเกินไป
6.ค่านิยมของสังคมที่คนเก่งต้องไปเรียนแพทย์ วิศวะ ทำให้เหลือนักเรียนที่หัวปานกลางจนถึงอ่อนมาเรียนครู เมื่อเรียนจบออกไปก็มักจะเป็นครูที่ไม่มีคุณภาพ
7.นักเรียนไม่รู้จุดมุ่งหมายในการเรียน บางคนมีเป้าหมายจริงๆ บางคนเรียนให้จบๆไป บางคนถูกบังคับให้เรียน จึงเกิดความเบื่อหน่าย ไม่สนใจในการเรียน
8.ค่านิยมของพ่อแม่ที่มักจะให้เรียนในสาขาที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาของสังคม แทนที่จะให้ลูกได้เรียนในสิ่งที่ต้องการ เป็นต้น
2)ทัศนคติของท่านต่อสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน :
สังคมไทยปัจจุบัน เป็นสังคมที่เห็นคุณค่าทางวัตถุมากกว่าคุณค่าทางจิตใจ ยิ่งพัฒนาไปเท่าใด จะยิ่งเกิดปัญหาจากการพัฒนาเท่านั้น ยิ่งมีวัตถุสนองความต้องการมากเท่าใดยิ่งไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ คนไทยในยุคโลกาภิวัตน์จึงมีปัญหาทางจิตเกิดขึ้นมากมาย เช่น มีพฤติกรรมการแสดงออกที่รุนแรง ขาดเมตตา ทั้ง ๆ ที่พระพุทธศาสนาสอนว่า เมตตาธรรมเป็นเครื่องค้ำจุนโลก ทำให้คนไทยยุคใหม่ตกเป็นทาสของประเทศทุนนิยมที่ผลิตเครื่องอุปโภคบริโภคมาเป็นเหยื่อล่อ ทำให้มนุษย์เกิดกิเลสอยากมีอยากได้ สนับสนุนให้เกิดค่านิยมบริโภคผ่านสื่อต่าง ๆ โดยปราศจากการควบคุม เมื่อเกิดความอยากมี อยากได้ แต่ไม่มีเงินซื้อจะกระทำทุจริต ลักเล็กขโมยน้อย ฉกชิงวิ่งราวดังที่เป็นข่าวอยู่เสมอ สังคมปัจจุบันจึงไร้ความมีน้ำใจ มนุษย์ชอบหมกมุ่นในกามคุณ เป็นที่รวมสิ่งยั่วยุทางเพศ สื่อลามกต่าง ๆ มากมาย มีสิ่งมอมเมาในรูปแบบการพนันต่าง ๆ อีกมาก เสพสิ่งเสพติด เช่น บุหรี่ ยาบ้า ยาไอซ์ เมื่อสังคมไทยตกอยู่ในสภาพแวดล้อมทางสังคมเช่นนี้ จึงหมกมุ่นจนถอนตัวไม่ขึ้น อีกทั้งคนส่วนใหญ่คิดว่า การมีความพร้อมทางวัตถุจะทำให้ชีวิตมีความสงบสุข จึงชอบวิ่งตามวัตถุ ไขว่คว้าหามาบำรุงชีวิต สิ่งใดที่ยังไม่มีเหมือนคนทั่วไปจะพยายามดิ้นรนหามา สิ่งที่มีอยู่แล้วก็ให้มีมากกว่าเดิม ถึงกับกู้หนี้ยืมสินมาซื้อหา ที่ถลำลึกอาจถึงขั้นทุจริตคิดมิชอบต่อหน้าที่การงาน คนประเภทนี้จะหาความสงบสุขทางใจไม่ได้จนตลอดชีวิต
3)กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการกับการศึกษา :
๑. ความสุขของมนุษย์เกิดจากการรู้จักดำ เนินชีวิตให้ถูกต้องทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น
๒. การรู้จักการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องคือ การรู้จักคิดเป็น พูดเป็น และทำเป็น
๓. การคิดเป็นหรือการคิดอย่างถูกต้องเป็นศูนย์กลางที่บริหารการดำ เนินชีวิตทั้งหมด ทำหน้าที่ชี้นำ และควบคุมการกระทำ การคิดจะเริ่มเข้ามามีบทบาทเมื่อมนุษย์ได้รับข้อมูลจากสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีอยู่มากหากคิดเป็นหรือคิดดีก็จะเกิดการเลือกรับเป็นหรือเลือกรับแต่สิ่งที่ดีๆเมื่อรับมาแล้วก็จะเกิดการคิด ตีความเชื่อมโยงและตอบสนองออกมาเป็นการกระทำ ในขั้นตอนนี้จะมีสิ่งปรุงแต่งความคิดเข้ามา ได้แก่ อารมณ์ชอบ ชัง คติและอคติต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่อการคิดตีความเชื่อมโยงและการกระทำ ถ้าคิดเป็นคิดโดยรู้ถึงสิ่งปรุงแต่งต่าง ๆ นั้นก็จะสามารถบริหารการกระทำ อย่างเหมาะสมได้
๔. กระบวนการคิดเป็น เป็นสิ่งที่พัฒนาได้ ฝึกฝนได้โดยกระบวนการที่เรียกว่าการศึกษาหรือสิกขา การพัฒนานั้นเรียกว่า การพัฒนาสัมมาทิฏฐิ ผลที่ได้คือมรรคหรือการกระทำ ที่ดีงาม
๕. แก่นแท้ของการศึกษา คือการพัฒนาปัญญาของตนเองให้เกิดมีสัมมาทิฏฐิคือการมีความรู้ ความเข้าใจ ความคิดเห็น ค่านิยมที่ถูกต้อง ดีงาม เกื้อกูลแก่ชีวิต และครอบครัว
๖. สัมมาทิฏฐิ ทำให้เกิดการพูดและการกระทำที่ถูกต้องดีงาม สามารถดับทุกข์และแก้ปัญหาได้