ตำแหน่งงานที่ต้องการ :
ครูคอมพิวเตอร์ ครูประจำชั้น
เงินเดือนที่ต้องการ :
15,000
สถานที่ต้องการทำงาน
ข้อมูลส่วนตัว
วัน/เดือน/ปีเกิด :
27-กรกฎาคม-2536
ที่อยู่ปัจจุบันที่ติดต่อได้สะดวก
ประวัติการศึกษา
ระดับการศึกษาสูงสุด :
ปริญญาตรี
สาขา :
ครุศาสตร์-ศึกษาศาสตร์
วิชาเอก :
เทคโนโ,ยีการศึกษาเเละคอมพิวเตอร์
ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
ระดับ |
ชื่อสถาบัน |
จังหวัด |
ประเทศ |
ปีการศึกษา |
วุฒิที่ได้รับ |
ความสามารถทางด้านภาษา
ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ( IT )
โปรแกรม |
|
1. โปรแกรมสำนักงาน (Word , Excel , Powerpoint , Access) |
|
2. โปรแกรม Multimedia (Cai , Flash , Autoware , etc. ) |
|
3. โปรแกรมตัดต่อ VDO , sound , Effect ( Premier , Ulead , Sound Forge , etc. ) |
|
4. โปรแกรมสร้างกราฟิก ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ( photoshop , Illustrator , etc. ) |
|
5. โปรแกรมสร้างเว็บไซต์ ( Dreamweawer , Wordpress , CMS ต่างๆ หรืออื่นๆ ) |
|
6. การพัฒนาซอฟต์แวร์ |
6.1 Window based Application |
|
6.2 Web based Application |
|
6.3 Mobile Application |
|
7. ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ชำนาญ |
|
8. Database ที่ชำนาญ |
|
9. ระบบเครือข่าย ( ติดตั้ง-ซ่อมบำรุง ) |
9.1 Window |
|
9.2 Linux / Unix |
|
10. การซ่อมบำรุงเครื่องคอมพิวเตอร์ (เครื่องคอมพิวเตอร์ , ปรินท์เตอร์ , อื่นๆ ) |
|
ความสามารถทางด้านดนตรี
เครื่องดนตรี |
|
1. เครื่องดนตรีไทย (ระนาด , ขลุ่ย , ซอ , พิณ ฯลฯ ) |
|
2. เครื่องดนตรีสากล ( เปียโน , คีย์บอร์ด , กีตาร์ ฯลฯ ) |
|
ความสามารถทางด้านอื่นๆ
เกียรติประวัติ - รางวัลต่างๆ
รางวัล |
จากสถาบัน |
ปี พ.ศ.ที่ได้รับ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ประวัติการทำงาน
ประสบการณ์การทำงาน :
xxxx ปี
การฝึกอบรม
หัวข้อ |
สถาบัน |
ระยะเวลา |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
บุคคลผู้รับรอง ( อ้างอิงได้ )
ลำดับ |
ชื่อ |
นามสกุล |
ความสัมพันธ์ |
สถานที่ติดต่อ |
เบอร์โทรศัพท์ |
1 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
2 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
3 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
แสดงความรู้ ความเข้าใจ และทัศนะของท่าน
1)ทัศนคติต่อการศึกษาไทย :
ตอนนี้กลายเป็นกระแสสังคมใหญ่อีกกระแสหนึ่ง เกี่ยวกับปัญหาความตกต่ำของการศึกษาไทย ซึ่งเป็นอีกโจทย์ใหญ่ที่หลายรัฐบาลพยายามแก้ไข แต่ดูเหมือนจะไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
ต้นเหตุของภาวะการศึกษาไทยที่เป็นอยู่ มาจากประเด็นต่างๆ ดังนี้
1.โอกาสและมาตรฐานทางการศึกษาที่ไม่ทั่วถึง - แหล่งการศึกษา ครูอาจารย์ที่มีคุณภาพมักกระจุกอยู่ตามเมืองใหญ่หรือเมืองหลวง ประกอบกับนักเรียนในเขตเมืองนั้นมีโอกาสทางการศึกษาที่มากกว่า ทั้งความพร้อมด้านสถานที่และครอบครัว ต่างจากโรงเรียนในชนบท อีกทั้งนักเรียนชนบทบางคนไม่สามารถเรียนต่อได้เนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจ ความยากจนและอื่นๆ สาเหตุนี้ทำให้เมื่อเฉลี่ยคะแนนสอบต่างๆทั้งประเทศ มักจะต่ำกว่ามาตรฐาน แต่หากยกเฉพาะในเขตเมืองแล้วอาจสูงเทียบเท่าบางประเทศอย่างมาเลเซียหรือสิงคโปร์ได้ โรงเรียนบางแห่งมีคะแนนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยทั้งประเทศ โอกาสสอบเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นของเด็กในเมืองก็มีมากกว่า เด็กชนบทที่ข้ามมาถึงจุดนั้นได้มีน้อยมาก
2.สิ่งยั่วยุที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้นักเรียนไม่สนใจการเรียน
3.การจัดการศึกษาแบบรวมศูนย์เกินไป ไม่คำนึงถึงความแตกต่างของผู้เรียน เช่น กรณีที่มีเด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้กว่าแสนคน บริเวณที่มีอัตราส่วนนักเรียนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้สูงที่สุดคือในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากความแตกต่างทางวัฒนธรรมและภาษา
4.ผู้ปกครองบางส่วนแต่เดิมไม่เห็นความสำคัญของการศึกษา มักให้บุตรหลานอยู่ช่วยทำงานมากกว่า เลยมักให้เรียนจบเพียงภาคบังคับ เกิดเป็นความคิดส่งต่อจากรุ่สู่รุ่น
5.สภาพแวดล้อมในโรงเรียนที่ส่งผลเสีย เช่น การมีนักเรียนมากเกินไป
6.ค่านิยมของสังคมที่คนเก่งต้องไปเรียนแพทย์ วิศวะ ทำให้เหลือนักเรียนที่หัวปานกลางจนถึงอ่อนมาเรียนครู เมื่อเรียนจบออกไปก็มักจะเป็นครูที่ไม่มีคุณภาพ
7.ครูบางคนไม่ตระหนักถึงความสำคัญในอาชีพตัวเอง ไม่ใส่ใจในการสอน หรือสอนเพื่อให้จบไปวันๆ
8.หน้าที่ของครูบางคนเป็นยิ่งกว่าครู เช่น ครูตามชนบท ทำให้เวลาที่จะใช้สอนหนังสือน้อยลง
9.นักเรียนไม่รู้จุดมุ่งหมายในการเรียน บางคนมีเป้าหมายจริงๆ บางคนเรียนให้จบๆไป บางคนถูกบังคับให้เรียน จึงเกิดความเบื่อหน่าย ไม่สนใจในการเรียน
10.ค่านิยมของพ่อแม่ที่มักจะให้เรียนในสาขาที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาของสังคม แทนที่จะให้ลูกได้เรียนในสิ่งที่ต้องการ
11.มีการกดขี่แรงงาน ทำให้หลายคนพยายามกระยิ้มกระสนเพื่อเรียนให้ได้เป็นบัณฑิต เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่สังคมมองว่ามีรายได้ต่ำ ไม่มีเกียรติ คือการไปเป็นแรงงาน
12.จากข้อ 11 ประกอบกับภาพลักษณ์ที่ไม่ค่อยดีนักของนักเรียนอาชีวะ ทำให้ผู้ศึกษาต่อในสายสามัญและสายอาชีพไม่สมดุลกัน
13.การเรียนภาษาต่างประเทศที่ไม่เน้นการสื่อสาร เนินเพียงแค่ไวยากรณ์จนเกินความจำเป็น
14.การเรียนหนังสือแบบท่องจำ มิใช่คิดวิเคราะห์ ทำให้ไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์ อีกทั้งแนวคิดแบบอาวุโสที่อาจารย์เป็นใหญ่ ทำให้แม้อาจารย์จะเปิดโอกาสผู้เรียนก็ไม่กล้าตอบ
15.โรงเรียนเก่าแก่บางแห่งยึดติดในอัตตาหรือทิฐิมากเกินไป ทำให้มองโรงเรียนอื่นเป็นศัตรู และผู้บริหารปลูกฝังให้นักเรียนเพียงแค่ทำคะแนนสอบได้ดี และมากกว่าโรงเรียนคู่แข่ง แทนที่จะเอาเวลามาปรึกษากันว่าจะพัฒนานักเรียนอย่างไร
นี่คือต้นเหตุของปัญหาการศึกษาไทยตามมุมมอง จขกท. ครับ อาจขาดบางอย่างไปบ้าง โดยส่วนตัวมองว่าข้อแรกนั้นเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด แต่ทุกข้อก็สำคัญครับ หากว่าเราสามารถแก้ไขสิ่งเหล่านี้ได้ เชื่อว่าการศึกษาไทยในอนาคตจะดีขึ้นกว่านี้อย่างแน่นอน
2)ทัศนคติของท่านต่อสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน :
สังคมไทยปัจจุบัน เป็นสังคมที่เห็นคุณค่าทางวัตถุมากกว่าคุณค่าทางจิตใจ ยิ่งพัฒนาไปเท่าใด จะยิ่งเกิดปัญหาจากการพัฒนาเท่านั้น ยิ่งมีวัตถุสนองความต้องการมากเท่าใดยิ่งไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ คนไทยในยุคโลกาภิวัตน์จึงมีปัญหาทางจิตเกิดขึ้นมากมาย เช่น มีพฤติกรรมการแสดงออกที่รุนแรง ขาดเมตตา ทั้ง ๆ ที่พระพุทธศาสนาสอนว่า เมตตาธรรมเป็นเครื่องค้ำจุนโลก ทำให้คนไทยยุคใหม่ตกเป็นทาสของประเทศทุนนิยมที่ผลิตเครื่องอุปโภคบริโภคมาเป็นเหยื่อล่อ ทำให้มนุษย์เกิดกิเลสอยากมีอยากได้ สนับสนุนให้เกิดค่านิยมบริโภคผ่านสื่อต่าง ๆ โดยปราศจากการควบคุม เมื่อเกิดความอยากมี อยากได้ แต่ไม่มีเงินซื้อจะกระทำทุจริต ลักเล็กขโมยน้อย ฉกชิงวิ่งราวดังที่เป็นข่าวอยู่เสมอ สังคมปัจจุบันจึงไร้ความมีน้ำใจ มนุษย์ชอบหมกมุ่นในกามคุณ เป็นที่รวมสิ่งยั่วยุทางเพศ สื่อลามกต่าง ๆ มากมาย มีสิ่งมอมเมาในรูปแบบการพนันต่าง ๆ อีกมาก เสพสิ่งเสพติด เช่น บุหรี่ ยาบ้า ยาไอซ์ เมื่อสังคมไทยตกอยู่ในสภาพแวดล้อมทางสังคมเช่นนี้ จึงหมกมุ่นจนถอนตัวไม่ขึ้น อีกทั้งคนส่วนใหญ่คิดว่า การมีความพร้อมทางวัตถุจะทำให้ชีวิตมีความสงบสุข จึงชอบวิ่งตามวัตถุ ไขว่คว้าหามาบำรุงชีวิต สิ่งใดที่ยังไม่มีเหมือนคนทั่วไปจะพยายามดิ้นรนหามา สิ่งที่มีอยู่แล้วก็ให้มีมากกว่าเดิม ถึงกับกู้หนี้ยืมสินมาซื้อหา ที่ถลำลึกอาจถึงขั้นทุจริตคิดมิชอบต่อหน้าที่การงาน คนประเภทนี้จะหาความสงบสุขทางใจไม่ได้จนตลอดชีวิต
มนุษย์ในสังคมปัจจุบันชอบตรวจสอบคนอื่น ไม่ยอมหันมาตรวจสอบตนเอง ดังคำสอนที่ว่า จงเตือนตนด้วยตนเอง หรือจงตั้งตนไว้ในคุณธรรมก่อน แล้วจึงสอนคนอื่น ทำได้เช่นนี้จึงจะไม่มัวหมอง ไม่ควรแต่คิดหาความผิดของคนอื่นหรือธุระที่เขาทำหรือยังไม่ทำ แต่ควรพิจารณาตนว่า อะไรที่ตนทำแล้วหรือยังไม่กระทำ ระบบการศึกษาอบรมของไทยในปัจจุบันได้รับอิทธิพลจากประเทศทางตะวันตก สอนให้รู้เรื่องภายนอกตัว มิได้เน้นว่าเมื่อเรียนรู้เรื่องของคนอื่นแล้ว ให้หันมาตรวจสอบตนเองบ้าง ระบบการศึกษาเช่นนี้เมื่อตนมีข้อบกพร่องอะไรกลับมองไม่เห็น หรือเห็นแต่แกล้งทำไม่สนใจ พฤติกรรมของมนุษย์ประการสำคัญ คือ มีศรัทธาเลื่อนลอย คนไทยนับถือพระนับถือเจ้าก็จริง แต่ส่วนใหญ่ไม่ เลื่อมใสอย่างมั่นคง ชาวพุทธที่นับถือพระรัตนตรัยจึงควรพึ่งตนเอง ยึดเอาพระรัตนตรัยเป็นแรงบันดาลใจ ไม่ดูถูกความสามารถของตนเอง หันไปพึ่งผีสางเทวดาหรือสิ่งที่เหลวไหล หรืองมงายต่าง ๆ เช่น สัตว์ประหลาดหัวเป็นหมู หางเป็นหมา ปลาไหลเผือก เป็นต้น
คนไทยยุคใหม่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่นับถือพระรัตนตรัยเพียงลมปากเท่านั้น แต่มีพฤติกรรมสวนทางให้เลื่อมใสศรัทธาเป็นส่วนใหญ่ หลักสูตรวิชาพระพุทธศาสนามีหัวข้อที่ทันสมัยอยู่ข้อหนึ่งคือ ปัญหาทางจิตของประชาชนไทย ที่ว่าทันสมัยเพราะสังคมไทยเป็นสังคมที่มีความสงบสุข ไม่มีปัญหาทางจิต ไม่เหมือนกับประเทศที่เจริญหรือพัฒนาแล้วแต่มีคนเป็นโรคจิตหรือคนบ้าเพิ่มขึ้น แต่ปัจจุบันคนไทยตกอยู่ในสภาพไม่แตกต่างจากประเทศที่เจริญหรือประเทศที่พัฒนาแล้วที่หมกมุ่น หลงใหลในวัตถุมากว่าสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจ ทำให้เดินเข้าสู่สิ่งที่เรียกว่า อบายมุขได้ง่ายมากกว่าการเดินทางเข้าสู่วัด เพื่อบำเพ็ญบุญ บำเพ็ญทานบารมีเพื่อให้ชีวิตได้พบกับความสุข ความเจริญ.
3)กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการกับการศึกษา :