ประวัติคนหางาน
ตำแหน่งงานที่ต้องการ :
ครูสอนวิทยาศาสตร์, คณิตศาสตร์  
ประเภทของงาน :
Freelance  
เงินเดือนที่ต้องการ :
N/A  
สถานที่ต้องการทำงาน
ภาค :
xxxx  
จังหวัด :
xxxx  
เขต/อำเภอ :
xxxx  
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ :
xxxx 
นามสกุล :
xxxx 
เพศ :
ชาย  
วัน/เดือน/ปีเกิด :
13-กุมภาพันธ์-2536  
อายุ :
31  
สัญชาติ :
xxxx 
เชื้อชาติ :
xxxx 
ศาสนา :
xxxx  
ส่วนสูง :
xxxx 
น้ำหนัก :
xxxx 
ตำหนิ :
xxxx 
กรุ๊ปเลือด :
xxxx 
สถานที่เกิด :
xxxx 
โรคประจำตัว :
xxxx  
สถานะความเป็นอยู่ :
xxxx 
สถานะครอบครัว :
xxxx 
สถานะทางทหาร :
xxxx 
ที่อยู่ปัจจุบันที่ติดต่อได้สะดวก
ที่อยู่ :
xxxx  
แขวง/ตำบล :
xxxx  
เขต/อำเภอ :
xxxx  
จังหวัด :
xxxx  
รหัสไปรษณีย์ :
xxxx 
เบอร์โทรศัพท์บ้าน :
xxxx  
เบอร์มือถือ :
xxxx  
E-mail :
xxxx
ประวัติการศึกษา
ระดับการศึกษาสูงสุด :
ปริญญาโท  
ชื่อสถาบันสูงสุด :
xxxx 
สาขา :
ครุศาสตร์-ศึกษาศาสตร์ 
วิชาเอก :
การสอนวิทยาศาสตร์ (science education) 
เกรดเฉลี่ย :
3.92 
ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู
ไม่มี  
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
ไม่มี  
ระดับ ชื่อสถาบัน จังหวัด ประเทศ ปีการศึกษา วุฒิที่ได้รับ
xxx  xxx  xxx  xxx  xxx  xxx 
xxx  xxx  xxx  xxx  xxx  xxx 
ความสามารถทางด้านภาษา
ภาษา
พูด
เข้าใจ
อ่าน
เขียน
ไทย
ดีมาก 
ดีมาก 
ดีมาก 
ดีมาก  
อังกฤษ
พอใช้  
ดี  
ดี  
พอใช้  
ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ( IT )
โปรแกรม
ความสามารถ ( ใช้งานได้ )
1. โปรแกรมสำนักงาน
(Word , Excel , Powerpoint , Access)
ดีมาก  
2. โปรแกรม Multimedia
(Cai , Flash , Autoware , etc. )
พอใช้  
3. โปรแกรมตัดต่อ VDO , sound , Effect
( Premier , Ulead , Sound Forge , etc. )
พอใช้  
4. โปรแกรมสร้างกราฟิก ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์
( photoshop , Illustrator , etc. )
พอใช้  
5. โปรแกรมสร้างเว็บไซต์
( Dreamweawer , Wordpress , CMS ต่างๆ หรืออื่นๆ )
พอใช้  
6. การพัฒนาซอฟต์แวร์
6.1 Window based Application
พอใช้  
6.2 Web based Application
พอใช้  
6.3 Mobile Application
พอใช้  
7. ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ชำนาญ
 
8. Database ที่ชำนาญ
 
9. ระบบเครือข่าย ( ติดตั้ง-ซ่อมบำรุง )
9.1 Window
พอใช้  
9.2 Linux / Unix
พอใช้  
10. การซ่อมบำรุงเครื่องคอมพิวเตอร์
(เครื่องคอมพิวเตอร์ , ปรินท์เตอร์ , อื่นๆ )
พอใช้  
ความสามารถทางด้านดนตรี
เครื่องดนตรี
ความสามารถ ( ใช้งานได้ )
1. เครื่องดนตรีไทย
(ระนาด , ขลุ่ย , ซอ , พิณ ฯลฯ )
พอใช้  
2. เครื่องดนตรีสากล
( เปียโน , คีย์บอร์ด , กีตาร์ ฯลฯ )
ไม่ได้เลย  
ความสามารถทางด้านอื่นๆ
ความสามารถ :
การถ่ายภาพ  
เกียรติประวัติ - รางวัลต่างๆ
รางวัล
จากสถาบัน
ปี พ.ศ.ที่ได้รับ
รางวัลที่ 2 จากโครงการประกวดถ่ายภาพครั้งที่ 18  
มูลนิธิ ฌอง เอมีล การ์โรซ  
2550  
รางวัลชมเชย จากโครงการประกวดถ่ายภาพครั้งที่ 21  
มูลนิธิ ฌอง เอมีล การ์โรซ  
2554  
ไอเดียระดับเหรียญทอง Science Learning Designer  
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา และ insKru  
2564  
ไอเดียระดับเหรียญทองแดง Science Inspirator  
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา และ insKru  
2564  
ประวัติการทำงาน
ประสบการณ์การทำงาน :
xxxx ปี 
1 )
ชื่อสถานประกอบการ 1 :
xxxx  
ระยะเวลาเริ่มทำวันแรก :
06-กุมภาพันธ์-2556  
-จนถึงวันสุดท้าย :
10-กุมภาพันธ์-2557  
ตำแหน่ง 1 :
ครูวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์  
เงินเดือนสุดท้าย 1 :
N/A  
สาเหตุที่ลาออก 1 :
สถาบันมีการปรับเปลี่ยนนโยบายโดยต้องการครูเต็มเวลา(Full time) เท่านั้น ซึ่งในขณะนั้นเป็นครูไม่เต็มเวลา(Part-time) และไม่สามารถมาทำงานเต็มเวลาได้  
 
2 )
ชื่อสถานประกอบการ 2 :
xxxx  
ระยะเวลาเริ่มทำวันแรก :
06-มีนาคม-2560  
-จนถึงวันสุดท้าย :
31-กรกฎาคม-2561  
ตำแหน่ง 2 :
ครูประถมศึกษา (วิทยาศาสตร์)  
เงินเดือนสุดท้าย 2 :
N/A  
สาเหตุที่ลาออก 2 :
ต้องการศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษา  
 
3 )
ชื่อสถานประกอบการ 3 :
xxxx  
ระยะเวลาเริ่มทำวันแรก :
01-กรกฎาคม-2563  
-จนถึงวันสุดท้าย :
31-มีนาคม-2564  
ตำแหน่ง 3 :
ครูพิเศษระดับมัธยมศึกษา (วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ)  
เงินเดือนสุดท้าย 3 :
N/A  
สาเหตุที่ลาออก 3 :
ต้องการทุ่มเทเวลาให้กับการวิจัยทางการศึกษา  
 
4 )
ชื่อสถานประกอบการ 4 :
xxxx  
ระยะเวลาเริ่มทำวันแรก :
01-เมษายน-2564  
-จนถึงวันสุดท้าย :
31-มีนาคม-2566  
ตำแหน่ง 4 :
ครูประถมศึกษา (วิทยาศาสตร์)  
เงินเดือนสุดท้าย 4 :
N/A  
สาเหตุที่ลาออก 4 :
 
 
การฝึกอบรม
หัวข้อ
สถาบัน
ระยะเวลา
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
xxxx 
บุคคลผู้รับรอง ( อ้างอิงได้ )
ลำดับ
ชื่อ
นามสกุล
ความสัมพันธ์
สถานที่ติดต่อ
เบอร์โทรศัพท์
1
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
2
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
3
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
xxxx  
แสดงความรู้ ความเข้าใจ และทัศนะของท่าน
1)ทัศนคติต่อการศึกษาไทย :
การศึกษาของประเทศไทยนั้นในช่วงระยะที่ผ่านมาถือว่าเป็นช่วงกำลังพัฒนา กล่าวคือมีหลายปัญหาที่สามารถแก้ไขได้แล้วบางส่วน และมีบางปัญหาที่รอการแก้ไขปัญหาอยู่ ทั้งนี้ปัญหาในวงการศึกษามีด้วยกันอยู่หลายด้าน เช่น ด้านการบริหาร เป็นที่ประจักษ์ว่าการบริหารงานด้านการศึกษาในประเทศไทยเป็นแบบแนวดิ่งจากบนลงล่าง หมายความว่ามีการบริหารงานโดยการกำหนดนโยบายจากด้านบนแล้วให้ด้านล่างซึ่งเป็นบุคลากรที่ปฏิบัติงานจริงมารับสนองนโยบายเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานนั้นๆ จะเห็นว่าหน่วยล่างซึ่งเป็นบุคลากรเช่น ครูอาจารย์ซึ่งคลุกคลีอยู่กับปัญหาในสถานศึกษาจริง กลับไม่มีส่วนในการกำหนดนโยบายใดๆเลย หากจะมีส่วนก็น้อยมาก เมื่อการบริหารงานเป็นไปในลักษณะนี้ ภาพรวมทางการศึกษาจึงยังคงมีปัญหาบางประการที่ยังรอการแก้ไขปัญหาอยู่ ด้านการสอน พบว่าในปัจจุบัน ห้องเรียนหนึ่งๆ เมื่อมีการเรียนการสอนจะยึดครูเป็นศูนย์กลาง เห็นได้จากการบรรยายวิชาการหน้าห้องเรียน และเน้นให้นักเรียนจดตามคำสอนเท่านั้น ทั้งนี้ควรจะมีการบูรณาการทางด้านการสอนนำกิจกรรมที่กระตุ้นให้นักเรียนคิดและทำให้เกิดการยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลางขึ้นเพื่อที่จะให้นักเรียนได้แสดงศักยภาพได้อย่างเต็มความสามารถ ด้านคุณภาพในการจัดการเรียนการสอน ปัญหานี้สืบเนื่องมาจากความเลื่อมล้ำในสังคม จะพบว่าในโรงเรียนรัฐขนาดใหญ่ที่มีการจัดให้งบประมาณโรงเรียนที่เพียงพอและโรงเรียนเอกชนซึ่งมีแหล่งเงินทุนที่ดีจะสามารถจัดการเรียนการสอนให้มีคุณภาพได้ ในขณะที่โรงเรียนเล็กๆ และโรงเรียนรัฐที่อยู่ห่างไกลเมืองจะได้รับงบประมาณที่น้อย จึงไม่สามารถจัดการเรียนการสอนให้มีคุณภาพเทียบเท่าโรงเรียนขนาดใหญ่หรือโรงเรียนเอกชนได้ ทั้งนี้การศึกษาในประเทศไทยแม้จะประสบปัญหาต่างๆ แต่ก็สามารถแก้ไขและกำลังจะแก้ไขปัญหานั้นๆ ได้เสมอมา เพราะความตั้งใจของผู้บริหารองค์กรหรือหน่วยงานทางการศึกษาตลอดจนบุคลากรทางการศึกษา  
2)ทัศนคติของท่านต่อสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน :
สภาพสังคมไทยในปัจจุบันนั้นมีการปลูกฝังค่านิยมในแนวทางบริโภคนิยมค่อนข้างสูง เช่น ค่านิยมด้านการแข่งขันด้านการเรียนอย่างหนักหน่วง ในการแข่งขันกันเรียนหากเกิดขึ้นก็ไม่นับว่าจะสร้างความเสียหายอะไรมากต่อตัวนักเรียนเอง อีกทั้งเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้เพื่อนำมาใช้สอบหรือใช้ในการแข่งขัน แต่ทว่าการแข่งขันทางการเรียนที่หนักหน่วงจนเกินไปจะทำให้นักเรียนเกิดผลกระทบต่อตนเองได้ อาทิ นักเรียนบางคนนั้นเรียนพิเศษอย่างหนักหน่วงเพื่อตักตวงความรู้นั้นไปใช้ในการสอบแข่งขันจนถึงขั้นลืมเรื่องการรับประทานอาหาร, การพักผ่อน ตลอดจนการนอนที่ผิดเวลา จนส่งผลเสียต่อสุขภาวะอนามัยของตนเอง นอกจากนี้ค่านิยมการเรียนอย่างหนักหน่วงยังส่งผลเสียต่อด้านสังคมของนักเรียนด้วย เพราะว่าการแข่งขันนี้เป็นบ่อเกิดของการกีดกันและการหวงแหนความรู้ของตน จะเห็นว่าในอดีตนักเรียนมักสอนกันเองแบบเพื่อนสอนเพื่อนซึ่งนอกจากจะเป็นการแบ่งปันความรู้ต่อกันแล้วยังทำให้เกิดมิตรภาพที่แนบแน่นกันในหมู่เพื่อนอีกด้วยซึ่งในปัจจุบันความสัมพันธ์ในหมู่เพื่อนในรูปแบบดังกล่าวจะหาได้ยากยิ่ง บางครั้งการแข่งขันการเรียนอย่างหนักจะทำให้เกิดเรื่องบาดหมางต่อมิตรภาพด้วยและยังเป็นการสร้างเจตคติแบบการเอาตัวรอดเพียงคนเดียวโดยไม่สนใจผู้คนรอบข้างและสังคม อนึ่งยังมีอีกค่านิยมซึ่งอาจเป็นมูลเหตุของค่านิยมด้านการแข่งขันด้านการเรียนอย่างหนักหน่วงด้วย นั่นคือ การปลูกฝังให้ลูกหลานทะเยอทะยาน หากเห็นแบบคร่าวๆ อาจไม่คิดว่าการปลูกฝังให้ลูกหลานทะเยอทะยานไม่น่าจะผิดอะไร แต่ถ้าพิจารณาแล้วการปลูกฝังในแบบนี้จะทำให้ลูกหลานเกิดจิตสำนึกบางอย่างที่ไม่ดีต่อจริยธรรมทางสังคม เช่น การที่ผู้ใหญ่หลายคนมักจะส่งเสริมให้ลูกหลานตนทะเยอทะยานที่จะเป็นเจ้าคนนายคน จะพบว่าวิธีการนี้จะทำให้ลูกหลานตนนั้นเกิดมักใหญ่ใฝ่สูงขึ้นมา จนกระทั่งถึงขั้นดูถูกดูแคลนผู้คนในบางสาขาอาชีพตั้งแต่เล็กแต่น้อย เมื่อเด็กเหล่านั้นทะเยอทะยานมากๆ เข้า ในบางแง่อาจจะทำให้พยายามเรียนด้วยแรงจูงใจแบบอยากใหญ่(แรงจูงใจแบบอยากใหญ่ เรียกตามภาษาบาลีว่า แรงจูงใจแบบมานะ ซึ่งในทางธรรมมานะเป็นดั่งตัณหาในรูปแบบหนึ่ง) หากเลยเถิดไปจนเขาสามารถได้ไปเรียนในคณะที่เป็นที่นิยมและในมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงแต่ด้วยแรงจูงใจแบบอยากใหญ่นี้ก็จะเกิดปัญหาทางสังคมตามมา ได้แก่ พอได้ทำงานก็คิดจะตักตวงผลประโยชน์เข้าหาตนโดยไม่สนใจใยดีต่อชีวิตอื่นและสังคมรอบข้าง หรือแม้กระทั่งในระหว่างเรียนนี้เองเมื่อเขาอยากได้เงินก็ไปรับจ้างเข้าสอบแทน ไปร่วมกันกับกระบวนทุจริตการสอบเข้าในหน่วยงานนั้นๆ ดังที่ปรากฎเป็นข่าวอยู่เนืองๆในระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้งนี้เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ย่อมเกิดจากที่ผู้ใหญ่ส่งเสริมให้ลูกหลานตนทะเยอทะยาน ถึงแม้ลูกหลานจะประสบผลสำเร็จในการเรียนก็ล้วนเป็นผลอันเนื่งมาจากแรงจูงใจแบบอยากใหญ่จนในที่สุดก็ส่งผลเสียต่อสังคมไทยในภายหลังทั้งยังทำให้จริยธรรมของสังคมถดถอยเพิ่มขึ้นอีก ทั้งนี้การจะแก้ปัญหาสังคมไทยในปัจจุบันโดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาอย่างยิ่ง ควรที่จะไปปรับแก้ค่านิยมในทางที่ไม่ถูกซึ่งผู้ใหญ่ในสังคมมักจะปลูกฝังอนาคตของชาติด้วยค่านิยมดังที่กล่าวมาแล้ว  
3)กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการกับการศึกษา :
การศึกษานั้นสำคัญตรงที่ว่าเป็นกระบวนการที่ทำให้มนุษย์ เกิดปัญญาในจะรู้เท่าทันต่อสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยรวมเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ หรือการเห็นชอบ ซึ่งมนุษย์จักเกิดสัมมาทิฏฐิได้ด้วยสองประการนี้ คือกัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการ ในด้านการศึกษาภายในโรงเรียนนั้น การสร้างสัมมาทิฏฐิให้กับนักเรียนก็ต้องอาศัยกัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการ ดังนี้ กัลยาณมิตร เป็นได้ตั้งแต่พ่อแม่ของนักเรียน ครูอาจารย์ ตลอดจนถึงเพื่อนของนักเรียนเอง ในที่นี้จะกล่าวถึงความเป็นกัลยาณมิตรของครูอาจารย์เป็นหลัก ความเป็นกัลยาณมิตรของครูผู้สอนจะเห็นได้จากการสั่งสอน, แนะนำ, ช่วยเหลือ, บอกช่องทางอันเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ตัวนักเรียนเองทำให้นักเรียนสามารถเจริญก้าวหน้าไปด้วยดีในการศึกษา ทั้งนี้ครูผู้เป็นกัลยาณมิตรจะต้องมีปรโตโฆษะ กล่าวคือเสียงกระตุ้นเตือนจากครู แม้คำนั้นผู้ฟังหรือนักเรียนเองจะไม่ชอบเสียงกระตุ้นนั้นก็ตาม แต่การพูดเตือนจากครูล้วนมาจากความต้องการให้นักเรียนได้ประโยชน์จากคำพูดนั้น ดังนั้นครูผู้เป็นกัลยาณมิตรจักต้องแนะนำสั่งสอนลูกศิษย์โดยยึดหลักของการให้เกิดประโยชน์ต่อตัวลูกศิษย์เป็นหลักแม้ว่าถ้อยคำนั้นจะไม่เป็นที่ชอบใจของลูกศิษย์ก็ตาม โยนิโสมนสิการ คือการคิดอย่างแยบคาย การที่นักเรียนจะเจริญก้าวหน้าทางด้านการศึกษานั้นก็ต้องอาศัยตนเองโดยการคิดการพิจารณาด้วยตนเอง ก็จะทำให้นักเรียนมีความเข้าใจในสิ่งที่เล่าเรียนอย่างชัดแจ้งขึ้น นอกจากนี้แล้วครูผู้สอนก็ต้องมีโยนิโสมนสิการด้วย นั่นคือการเตรียมการสอนที่จะต้องคิดวางรูปแบบการถ่ายทอดความรู้ให้ศิษย์ของตนได้รับความรู้อย่างถ่องแท้ตลอดจนผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปคิดต่อยอดได้ด้วยตนเอง จะเห็นว่าในด้านการศึกษาหากขาดกัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการด้วยแล้วจะเป็นการยากที่วงการศึกษาจะประสบผลสำเร็จทางการศึกษา ฉะนั้นกัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการจึงจำเป็นยิ่งในวงการศึกษาเพื่อนำพาให้นักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาเจริญก้าวหน้าไปด้วยดีในด้านการศึกษา