ตำแหน่งงานที่ต้องการ :
ครูสอนวิทยาศาสตร์, คณิตศาสตร์
เงินเดือนที่ต้องการ :
N/A
สถานที่ต้องการทำงาน
ข้อมูลส่วนตัว
วัน/เดือน/ปีเกิด :
13-กุมภาพันธ์-2536
ที่อยู่ปัจจุบันที่ติดต่อได้สะดวก
ประวัติการศึกษา
ระดับการศึกษาสูงสุด :
ปริญญาโท
สาขา :
ครุศาสตร์-ศึกษาศาสตร์
วิชาเอก :
การสอนวิทยาศาสตร์ (science education)
ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
ระดับ |
ชื่อสถาบัน |
จังหวัด |
ประเทศ |
ปีการศึกษา |
วุฒิที่ได้รับ |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
ความสามารถทางด้านภาษา
ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ( IT )
โปรแกรม |
|
1. โปรแกรมสำนักงาน (Word , Excel , Powerpoint , Access) |
|
2. โปรแกรม Multimedia (Cai , Flash , Autoware , etc. ) |
|
3. โปรแกรมตัดต่อ VDO , sound , Effect ( Premier , Ulead , Sound Forge , etc. ) |
|
4. โปรแกรมสร้างกราฟิก ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ( photoshop , Illustrator , etc. ) |
|
5. โปรแกรมสร้างเว็บไซต์ ( Dreamweawer , Wordpress , CMS ต่างๆ หรืออื่นๆ ) |
|
6. การพัฒนาซอฟต์แวร์ |
6.1 Window based Application |
|
6.2 Web based Application |
|
6.3 Mobile Application |
|
7. ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ชำนาญ |
|
8. Database ที่ชำนาญ |
|
9. ระบบเครือข่าย ( ติดตั้ง-ซ่อมบำรุง ) |
9.1 Window |
|
9.2 Linux / Unix |
|
10. การซ่อมบำรุงเครื่องคอมพิวเตอร์ (เครื่องคอมพิวเตอร์ , ปรินท์เตอร์ , อื่นๆ ) |
|
ความสามารถทางด้านดนตรี
เครื่องดนตรี |
|
1. เครื่องดนตรีไทย (ระนาด , ขลุ่ย , ซอ , พิณ ฯลฯ ) |
|
2. เครื่องดนตรีสากล ( เปียโน , คีย์บอร์ด , กีตาร์ ฯลฯ ) |
|
ความสามารถทางด้านอื่นๆ
เกียรติประวัติ - รางวัลต่างๆ
รางวัล |
จากสถาบัน |
ปี พ.ศ.ที่ได้รับ |
รางวัลที่ 2 จากโครงการประกวดถ่ายภาพครั้งที่ 18 |
มูลนิธิ ฌอง เอมีล การ์โรซ |
2550 |
รางวัลชมเชย จากโครงการประกวดถ่ายภาพครั้งที่ 21 |
มูลนิธิ ฌอง เอมีล การ์โรซ |
2554 |
ไอเดียระดับเหรียญทอง Science Learning Designer |
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา และ insKru |
2564 |
ไอเดียระดับเหรียญทองแดง Science Inspirator |
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา และ insKru |
2564 |
ประวัติการทำงาน
ประสบการณ์การทำงาน :
xxxx ปี
1 )
ชื่อสถานประกอบการ 1 :
xxxx
ตำแหน่ง 1 :
ครูวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
สาเหตุที่ลาออก 1 :
สถาบันมีการปรับเปลี่ยนนโยบายโดยต้องการครูเต็มเวลา(Full time) เท่านั้น ซึ่งในขณะนั้นเป็นครูไม่เต็มเวลา(Part-time) และไม่สามารถมาทำงานเต็มเวลาได้
2 )
ชื่อสถานประกอบการ 2 :
xxxx
ตำแหน่ง 2 :
ครูประถมศึกษา (วิทยาศาสตร์)
สาเหตุที่ลาออก 2 :
ต้องการศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษา
3 )
ชื่อสถานประกอบการ 3 :
xxxx
ตำแหน่ง 3 :
ครูพิเศษระดับมัธยมศึกษา (วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ)
สาเหตุที่ลาออก 3 :
ต้องการทุ่มเทเวลาให้กับการวิจัยทางการศึกษา
4 )
ชื่อสถานประกอบการ 4 :
xxxx
ตำแหน่ง 4 :
ครูประถมศึกษา (วิทยาศาสตร์)
การฝึกอบรม
หัวข้อ |
สถาบัน |
ระยะเวลา |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
บุคคลผู้รับรอง ( อ้างอิงได้ )
ลำดับ |
ชื่อ |
นามสกุล |
ความสัมพันธ์ |
สถานที่ติดต่อ |
เบอร์โทรศัพท์ |
1 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
2 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
3 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
แสดงความรู้ ความเข้าใจ และทัศนะของท่าน
1)ทัศนคติต่อการศึกษาไทย :
การศึกษาของประเทศไทยนั้นในช่วงระยะที่ผ่านมาถือว่าเป็นช่วงกำลังพัฒนา กล่าวคือมีหลายปัญหาที่สามารถแก้ไขได้แล้วบางส่วน และมีบางปัญหาที่รอการแก้ไขปัญหาอยู่
ทั้งนี้ปัญหาในวงการศึกษามีด้วยกันอยู่หลายด้าน เช่น
ด้านการบริหาร เป็นที่ประจักษ์ว่าการบริหารงานด้านการศึกษาในประเทศไทยเป็นแบบแนวดิ่งจากบนลงล่าง หมายความว่ามีการบริหารงานโดยการกำหนดนโยบายจากด้านบนแล้วให้ด้านล่างซึ่งเป็นบุคลากรที่ปฏิบัติงานจริงมารับสนองนโยบายเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานนั้นๆ จะเห็นว่าหน่วยล่างซึ่งเป็นบุคลากรเช่น ครูอาจารย์ซึ่งคลุกคลีอยู่กับปัญหาในสถานศึกษาจริง กลับไม่มีส่วนในการกำหนดนโยบายใดๆเลย หากจะมีส่วนก็น้อยมาก เมื่อการบริหารงานเป็นไปในลักษณะนี้ ภาพรวมทางการศึกษาจึงยังคงมีปัญหาบางประการที่ยังรอการแก้ไขปัญหาอยู่
ด้านการสอน พบว่าในปัจจุบัน ห้องเรียนหนึ่งๆ เมื่อมีการเรียนการสอนจะยึดครูเป็นศูนย์กลาง เห็นได้จากการบรรยายวิชาการหน้าห้องเรียน และเน้นให้นักเรียนจดตามคำสอนเท่านั้น ทั้งนี้ควรจะมีการบูรณาการทางด้านการสอนนำกิจกรรมที่กระตุ้นให้นักเรียนคิดและทำให้เกิดการยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลางขึ้นเพื่อที่จะให้นักเรียนได้แสดงศักยภาพได้อย่างเต็มความสามารถ
ด้านคุณภาพในการจัดการเรียนการสอน ปัญหานี้สืบเนื่องมาจากความเลื่อมล้ำในสังคม จะพบว่าในโรงเรียนรัฐขนาดใหญ่ที่มีการจัดให้งบประมาณโรงเรียนที่เพียงพอและโรงเรียนเอกชนซึ่งมีแหล่งเงินทุนที่ดีจะสามารถจัดการเรียนการสอนให้มีคุณภาพได้ ในขณะที่โรงเรียนเล็กๆ และโรงเรียนรัฐที่อยู่ห่างไกลเมืองจะได้รับงบประมาณที่น้อย จึงไม่สามารถจัดการเรียนการสอนให้มีคุณภาพเทียบเท่าโรงเรียนขนาดใหญ่หรือโรงเรียนเอกชนได้
ทั้งนี้การศึกษาในประเทศไทยแม้จะประสบปัญหาต่างๆ แต่ก็สามารถแก้ไขและกำลังจะแก้ไขปัญหานั้นๆ ได้เสมอมา เพราะความตั้งใจของผู้บริหารองค์กรหรือหน่วยงานทางการศึกษาตลอดจนบุคลากรทางการศึกษา
2)ทัศนคติของท่านต่อสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน :
สภาพสังคมไทยในปัจจุบันนั้นมีการปลูกฝังค่านิยมในแนวทางบริโภคนิยมค่อนข้างสูง เช่น
ค่านิยมด้านการแข่งขันด้านการเรียนอย่างหนักหน่วง ในการแข่งขันกันเรียนหากเกิดขึ้นก็ไม่นับว่าจะสร้างความเสียหายอะไรมากต่อตัวนักเรียนเอง อีกทั้งเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้เพื่อนำมาใช้สอบหรือใช้ในการแข่งขัน
แต่ทว่าการแข่งขันทางการเรียนที่หนักหน่วงจนเกินไปจะทำให้นักเรียนเกิดผลกระทบต่อตนเองได้ อาทิ นักเรียนบางคนนั้นเรียนพิเศษอย่างหนักหน่วงเพื่อตักตวงความรู้นั้นไปใช้ในการสอบแข่งขันจนถึงขั้นลืมเรื่องการรับประทานอาหาร, การพักผ่อน ตลอดจนการนอนที่ผิดเวลา จนส่งผลเสียต่อสุขภาวะอนามัยของตนเอง นอกจากนี้ค่านิยมการเรียนอย่างหนักหน่วงยังส่งผลเสียต่อด้านสังคมของนักเรียนด้วย เพราะว่าการแข่งขันนี้เป็นบ่อเกิดของการกีดกันและการหวงแหนความรู้ของตน จะเห็นว่าในอดีตนักเรียนมักสอนกันเองแบบเพื่อนสอนเพื่อนซึ่งนอกจากจะเป็นการแบ่งปันความรู้ต่อกันแล้วยังทำให้เกิดมิตรภาพที่แนบแน่นกันในหมู่เพื่อนอีกด้วยซึ่งในปัจจุบันความสัมพันธ์ในหมู่เพื่อนในรูปแบบดังกล่าวจะหาได้ยากยิ่ง บางครั้งการแข่งขันการเรียนอย่างหนักจะทำให้เกิดเรื่องบาดหมางต่อมิตรภาพด้วยและยังเป็นการสร้างเจตคติแบบการเอาตัวรอดเพียงคนเดียวโดยไม่สนใจผู้คนรอบข้างและสังคม
อนึ่งยังมีอีกค่านิยมซึ่งอาจเป็นมูลเหตุของค่านิยมด้านการแข่งขันด้านการเรียนอย่างหนักหน่วงด้วย นั่นคือ การปลูกฝังให้ลูกหลานทะเยอทะยาน หากเห็นแบบคร่าวๆ อาจไม่คิดว่าการปลูกฝังให้ลูกหลานทะเยอทะยานไม่น่าจะผิดอะไร แต่ถ้าพิจารณาแล้วการปลูกฝังในแบบนี้จะทำให้ลูกหลานเกิดจิตสำนึกบางอย่างที่ไม่ดีต่อจริยธรรมทางสังคม เช่น การที่ผู้ใหญ่หลายคนมักจะส่งเสริมให้ลูกหลานตนทะเยอทะยานที่จะเป็นเจ้าคนนายคน จะพบว่าวิธีการนี้จะทำให้ลูกหลานตนนั้นเกิดมักใหญ่ใฝ่สูงขึ้นมา จนกระทั่งถึงขั้นดูถูกดูแคลนผู้คนในบางสาขาอาชีพตั้งแต่เล็กแต่น้อย เมื่อเด็กเหล่านั้นทะเยอทะยานมากๆ เข้า ในบางแง่อาจจะทำให้พยายามเรียนด้วยแรงจูงใจแบบอยากใหญ่(แรงจูงใจแบบอยากใหญ่ เรียกตามภาษาบาลีว่า แรงจูงใจแบบมานะ ซึ่งในทางธรรมมานะเป็นดั่งตัณหาในรูปแบบหนึ่ง) หากเลยเถิดไปจนเขาสามารถได้ไปเรียนในคณะที่เป็นที่นิยมและในมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงแต่ด้วยแรงจูงใจแบบอยากใหญ่นี้ก็จะเกิดปัญหาทางสังคมตามมา ได้แก่ พอได้ทำงานก็คิดจะตักตวงผลประโยชน์เข้าหาตนโดยไม่สนใจใยดีต่อชีวิตอื่นและสังคมรอบข้าง หรือแม้กระทั่งในระหว่างเรียนนี้เองเมื่อเขาอยากได้เงินก็ไปรับจ้างเข้าสอบแทน ไปร่วมกันกับกระบวนทุจริตการสอบเข้าในหน่วยงานนั้นๆ ดังที่ปรากฎเป็นข่าวอยู่เนืองๆในระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้งนี้เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ย่อมเกิดจากที่ผู้ใหญ่ส่งเสริมให้ลูกหลานตนทะเยอทะยาน ถึงแม้ลูกหลานจะประสบผลสำเร็จในการเรียนก็ล้วนเป็นผลอันเนื่งมาจากแรงจูงใจแบบอยากใหญ่จนในที่สุดก็ส่งผลเสียต่อสังคมไทยในภายหลังทั้งยังทำให้จริยธรรมของสังคมถดถอยเพิ่มขึ้นอีก
ทั้งนี้การจะแก้ปัญหาสังคมไทยในปัจจุบันโดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาอย่างยิ่ง ควรที่จะไปปรับแก้ค่านิยมในทางที่ไม่ถูกซึ่งผู้ใหญ่ในสังคมมักจะปลูกฝังอนาคตของชาติด้วยค่านิยมดังที่กล่าวมาแล้ว
3)กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการกับการศึกษา :
การศึกษานั้นสำคัญตรงที่ว่าเป็นกระบวนการที่ทำให้มนุษย์ เกิดปัญญาในจะรู้เท่าทันต่อสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยรวมเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ หรือการเห็นชอบ ซึ่งมนุษย์จักเกิดสัมมาทิฏฐิได้ด้วยสองประการนี้ คือกัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการ
ในด้านการศึกษาภายในโรงเรียนนั้น การสร้างสัมมาทิฏฐิให้กับนักเรียนก็ต้องอาศัยกัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการ ดังนี้
กัลยาณมิตร เป็นได้ตั้งแต่พ่อแม่ของนักเรียน ครูอาจารย์ ตลอดจนถึงเพื่อนของนักเรียนเอง ในที่นี้จะกล่าวถึงความเป็นกัลยาณมิตรของครูอาจารย์เป็นหลัก
ความเป็นกัลยาณมิตรของครูผู้สอนจะเห็นได้จากการสั่งสอน, แนะนำ, ช่วยเหลือ, บอกช่องทางอันเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ตัวนักเรียนเองทำให้นักเรียนสามารถเจริญก้าวหน้าไปด้วยดีในการศึกษา ทั้งนี้ครูผู้เป็นกัลยาณมิตรจะต้องมีปรโตโฆษะ กล่าวคือเสียงกระตุ้นเตือนจากครู แม้คำนั้นผู้ฟังหรือนักเรียนเองจะไม่ชอบเสียงกระตุ้นนั้นก็ตาม แต่การพูดเตือนจากครูล้วนมาจากความต้องการให้นักเรียนได้ประโยชน์จากคำพูดนั้น ดังนั้นครูผู้เป็นกัลยาณมิตรจักต้องแนะนำสั่งสอนลูกศิษย์โดยยึดหลักของการให้เกิดประโยชน์ต่อตัวลูกศิษย์เป็นหลักแม้ว่าถ้อยคำนั้นจะไม่เป็นที่ชอบใจของลูกศิษย์ก็ตาม
โยนิโสมนสิการ คือการคิดอย่างแยบคาย การที่นักเรียนจะเจริญก้าวหน้าทางด้านการศึกษานั้นก็ต้องอาศัยตนเองโดยการคิดการพิจารณาด้วยตนเอง ก็จะทำให้นักเรียนมีความเข้าใจในสิ่งที่เล่าเรียนอย่างชัดแจ้งขึ้น
นอกจากนี้แล้วครูผู้สอนก็ต้องมีโยนิโสมนสิการด้วย นั่นคือการเตรียมการสอนที่จะต้องคิดวางรูปแบบการถ่ายทอดความรู้ให้ศิษย์ของตนได้รับความรู้อย่างถ่องแท้ตลอดจนผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปคิดต่อยอดได้ด้วยตนเอง
จะเห็นว่าในด้านการศึกษาหากขาดกัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการด้วยแล้วจะเป็นการยากที่วงการศึกษาจะประสบผลสำเร็จทางการศึกษา ฉะนั้นกัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการจึงจำเป็นยิ่งในวงการศึกษาเพื่อนำพาให้นักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาเจริญก้าวหน้าไปด้วยดีในด้านการศึกษา