ตำแหน่งงานที่ต้องการ :
ครู/อาจารย์
เงินเดือนที่ต้องการ :
15,000
สถานที่ต้องการทำงาน
ข้อมูลส่วนตัว
วัน/เดือน/ปีเกิด :
28-ตุลาคม-2541
ที่อยู่ปัจจุบันที่ติดต่อได้สะดวก
ประวัติการศึกษา
ระดับการศึกษาสูงสุด :
ปริญญาตรี
สาขา :
ครุศาสตร์-ศึกษาศาสตร์
ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
ระดับ |
ชื่อสถาบัน |
จังหวัด |
ประเทศ |
ปีการศึกษา |
วุฒิที่ได้รับ |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
xxx |
ความสามารถทางด้านภาษา
ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ( IT )
โปรแกรม |
|
1. โปรแกรมสำนักงาน (Word , Excel , Powerpoint , Access) |
|
2. โปรแกรม Multimedia (Cai , Flash , Autoware , etc. ) |
|
3. โปรแกรมตัดต่อ VDO , sound , Effect ( Premier , Ulead , Sound Forge , etc. ) |
|
4. โปรแกรมสร้างกราฟิก ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ( photoshop , Illustrator , etc. ) |
|
5. โปรแกรมสร้างเว็บไซต์ ( Dreamweawer , Wordpress , CMS ต่างๆ หรืออื่นๆ ) |
|
6. การพัฒนาซอฟต์แวร์ |
6.1 Window based Application |
|
6.2 Web based Application |
|
6.3 Mobile Application |
|
7. ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ชำนาญ |
|
8. Database ที่ชำนาญ |
|
9. ระบบเครือข่าย ( ติดตั้ง-ซ่อมบำรุง ) |
9.1 Window |
|
9.2 Linux / Unix |
|
10. การซ่อมบำรุงเครื่องคอมพิวเตอร์ (เครื่องคอมพิวเตอร์ , ปรินท์เตอร์ , อื่นๆ ) |
|
ความสามารถทางด้านดนตรี
เครื่องดนตรี |
|
1. เครื่องดนตรีไทย (ระนาด , ขลุ่ย , ซอ , พิณ ฯลฯ ) |
|
2. เครื่องดนตรีสากล ( เปียโน , คีย์บอร์ด , กีตาร์ ฯลฯ ) |
|
ความสามารถทางด้านอื่นๆ
ความสามารถ :
กีฬาฟุตบอล, ฟุตซอล, วิ่ง, ปิงปอง และว่ายน้ำ
เกียรติประวัติ - รางวัลต่างๆ
รางวัล |
จากสถาบัน |
ปี พ.ศ.ที่ได้รับ |
- |
- |
- |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ประวัติการทำงาน
ประสบการณ์การทำงาน :
xxxx ปี
1 )
ชื่อสถานประกอบการ 1 :
xxxx
เงินเดือนสุดท้าย 1 :
9000+
สาเหตุที่ลาออก 1 :
ทำช่วงปิดเทอม
2 )
ชื่อสถานประกอบการ 2 :
xxxx
เงินเดือนสุดท้าย 2 :
9000+
สาเหตุที่ลาออก 2 :
ทำช่วงปิดเทอม
3 )
ชื่อสถานประกอบการ 3 :
xxxx
เงินเดือนสุดท้าย 3 :
6000+
สาเหตุที่ลาออก 3 :
ทำช่วงปิดเทอม
4 )
ชื่อสถานประกอบการ 4 :
xxxx
เงินเดือนสุดท้าย 4 :
9000+
สาเหตุที่ลาออก 4 :
ทำช่วงปิดเทอม
การฝึกอบรม
หัวข้อ |
สถาบัน |
ระยะเวลา |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
บุคคลผู้รับรอง ( อ้างอิงได้ )
ลำดับ |
ชื่อ |
นามสกุล |
ความสัมพันธ์ |
สถานที่ติดต่อ |
เบอร์โทรศัพท์ |
1 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
2 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
3 |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
xxxx |
แสดงความรู้ ความเข้าใจ และทัศนะของท่าน
1)ทัศนคติต่อการศึกษาไทย :
จากผลการปฏิรูปการศึกษา หลังจากการประกาศใช้ พรบ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 โดยประเมินจากคุณภาพภายนอกสถานศึกษา 17,562 แห่งทั่วประเทศ คิดเป็นร้อยละ 49.1 ของโรงเรียนทั้งหมด พบว่า การจัดการเรียนการสอนของครูยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ ยังมีคุณภาพอยู่ในระดับร้อยละ 39.2 การจัดกิจกรรมที่กระตุ้นผู้เรียนให้รู้จักคิด วิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ คิดแก้ปัญหาและตัดสินใจ มีคุณภาพอยู่ระดับ ร้อยละ 13.5 และครูสามารถนำผลการประเมินมาปรับการเรียนและเปลี่ยนการสอนเพื่อพัฒนาคุณภาพเพียงร้อยละ 21.6 ของสถานศึกษาทั้งหมด การประเมินคุณภาพทางด้านผู้เรียนพบว่า ยังมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนระดับต่ำมากในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ มีวิจารณญาณและความคิดสร้างสรรค์ มีคุณภาพระดับดีเพียงร้อยละ 11.1 และการมีทักษะในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง รักการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง มีคุณภาพดีเพียงร้อยละ 26.5 ของสถานศึกษาทั้งหมด
จึงพบว่า การศึกษาของไทยกำลังมีปัญหา จะเห็นได้ว่าเป็นปัญหาที่ได้รับความสนใจจากสังคม สะท้อนถึงความล้มเหลวของการศึกษาในบ้านเรา ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนไทย สะท้อนถึงปรากฏการณ์ความอ่อนแอของทุกภาคส่วน ทั้งสถาบันครอบครัวอ่อนแอ พื้นที่อบายมุขขาดการควบคุม อันเป็นปฐมเหตุของปัญหาพฤติกรรมเด็กและเยาวชน ไม่ว่าเป็นปัญหาติดห้าง เที่ยวกลางคืน กินเหล้า สูบบุหรี่ และมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร อันจะนำไปสู่ผลกระทบกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามมาอย่างมากมาย ครูมัวแต่ไปทำผลงานการประเมินผลงานทางวิชาการ เพื่อเลื่อนวิทยฐานะ ไม่ได้วัดจากความสำเร็จของนักเรียน ทำให้ครูบางคนจึงสนใจที่จะทำผลงานทางวิชาการมากกว่าการสอน จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การศึกษาไทยพัฒนาช้า
จากปัญหาที่กล่าวมาในข้างต้น มีทั้งสาเหตุหลักและสาเหตุรองหลายประการที่ทำให้การพัฒนาการศึกษาของไทยยังไปไม่ถึงไหน พัฒนาได้ช้า แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนเห็นว่ายังไม่สายเกินไปที่จะผ่าตัดการศึกษาของไทยให้ดีขึ้น ทั้งนี้การแก้ปัญหาการศึกษาบุคลากรที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือร่วมใจกันทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่ผู้ที่จะมากำกับดูแลงานทางด้านการศึกษา รัฐบาลจะต้องแต่งตั้งบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีวิสัยทัศน์ทางด้านการศึกษาจริงๆ มารับผิดชอบ นอกจากนั้นการกำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนจะต้องกำหนดให้มีหัวข้อวิชาคุณธรรม จริยธรรมไว้ในทุกหลังสูตรทุกระดับ จะต้องเพิ่มขวัญและกำลังใจให้กับครู การเลื่อนวิทยฐานะของครูต้องมีความเหมาะสมและเป็นธรรม โดยวัดผลจากความสำเร็จของนักเรียน รัฐบาลต้องมีนโยบายดึงคนดี คนเก่งมาเป็นครู เด็กจะดีหรือชั่วอยู่ที่ครู อีกกิจกรรมหนึ่งที่ครู ผู้ปกครอง และนักเรียน สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด คือระบบดูแลนักเรียน คือโครงการเยื่ยมบ้านนักเรียน ครูจะเห็นสภาพที่แท้จริงของเด็กนักเรียน และที่สำคัญในส่วนของผู้ปกครอง สื่อมวลชน สถาบันทางศาสนา ต้องแสดงบทบาทและหน้าที่ในการมีส่วนรวมกับการพัฒนาการศึกษาได้ด้วย หากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาตระหนักถึงความสำคัญในบทบาทและหน้าที่และร่วมมือร่วมใจกันอย่างจริงจัง ผู้เขียนเชื่อว่าการศึกษาของไทยจะพัฒนาได้เพื่อให้เท่าเทียมประเทศอื่น ๆ
2)ทัศนคติของท่านต่อสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน :
สมัยนี้มีปัญหาเกิดขึ้นมากมายไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านสภาพแวดล้อมหรือปัญหาทางสังคมจึงทำให้การแข่งขันกันเองเกิดขึ้นกับสังคมไทยในปัจจุบัน ทำให้คนไทยมีความเครียดมากขึ้นและทำให้คนไทยมีความคิดที่เปลี่ยนไปจากสมัยก่อน เกิดการแข่งขันแย่งชิงกันในสังคมปัจจุบัน จึงทำให้คนมีแรงกดดันทำให้คนไทยเกิดเป็นปัญหาขัดแย้งต่อกันความเห็นแก่ตัวของคนที่เกิดขึ้นกับหลายๆ สังคม ซึ่งคนไทยลืมเรื่องของความมีน้ำใจและความให้การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อยากให้คนในสังคมนั้นมีน้ำใจรู้จักการให้อภัย รู้จักการแบ่งปันเพราะถ้าคนปัจจุบันเรามัวแต่ให้ความสนใจแต่วัตถุนิยมสังคมก็จะเสื่อมลงเรื่อยๆซึ่งสังคมไทยนั้นได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสยามเมืองยิ้ม
3)กัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการกับการศึกษา :
กัลยาณมิตรเป็นปัจจัยสำคัญในการก่อให้ผู้เรียนมีความรู้ วิธีคิด และการปฏิบัติที่ถูก เป็นพื้นฐานของการเกิดสัมมาทิฏฐิ คือ หลักการ กฎเกณฑ์ ทฤษฎี กับสัมมาสังกับปะ คือ ความคิดรวบยอดที่ถูก หรือมโนทัศน์ มโนมติ (ปัจจุบันอาจใช้คำว่าความคิดใหญ่ big ideas) แล้วแต่จะเรียกตามข้อกำหนดของสำนักการศึกษา เนื่องจากความรู้เกี่ยวกับหลักการ กฎเกณฑ์ และความคิดรวบยอดเหล่านี้จะนำไปใช้ในการตรึกตรองในกระบวนการคิดพิจารณาความสัมพันธ์ของเหตุและผลในโยนิโสมนสิการ
โยนิโส หมายถึง เหตุ เหตุ คือ แหล่งเกิด ต้นเค้า ในกรณีที่นำมาใช้ในทางการศึกษา คือ เหตุ กำหนดตัวชี้วัดของเหตุได้ คือ เงื่อนไขจำเป็น เนื่องจากเหตุเป็นเงื่อนไขที่ทำให้สิ่งหนึ่งเกิดขึ้น ส่วนมนสิการ หมายถึงการคิดหรือพิจารณา การคิดพิจารณาเป็นกระบวนการที่โยงความสัมพันธ์ของสองสิ่ง โดยดูเงื่อนไขจำเป็นกับสิ่งที่ตามมา ดังนั้น โยนิโสมนสิการ คือ การตรึกตรองเพื่อพิจารณาความสัมพันธ์ของเหตุและผล หรือความสัมพันธ์ของเงื่อนไขจำเป็นของสิ่งหนึ่งที่มีต่ออีกสิ่งหนึ่ง
ในวิชาชีพศึกษาศาสตร์ เมื่อกล่าวถึงการคิดแบบโยนิโสมนสิการ ซึ่งพิจารณาได้ใน ๒ ฐานะ คือ ในฐานะที่เป็นสาระเนื้อหาหลักธรรมและเป็นกระบวนการสอน นอกจากนั้นยังมีหลักธรรมที่สัมพันธ์และเป็นฐานให้กับโยนิโสมนสิการ คือ หลักการที่ถูก (สัมมาทิฏฐิ) ความคิดรวบยอดที่ตรง (สัมมาสังกัปปะ) ซึ่งทั้งสองประการนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยกัลยาณมิตร