SchoolJob News&Talk สคูลจ๊อบ ข่าวสารสนทนา
ประกาศรับสมัครงานหลายวันแล้ว แต่ไม่มีใครมาสมัครทำงานด้วยเลย
ประกาศรับสมัครงานหลายวันแล้ว แต่ไม่เห็นมีใครมาสมัครทำงานด้วยเลย
เมื่อประกาศรับสมัครงานแล้ว รอเกิน 2 สัปดาห์แล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีคนทำงานคนใดมาสมัครงานในตำแหน่งที่ประกาศรับนั้นเลย เพราะอะไร จะทำอย่างไรดี โรงเรียน/สถาบัน/บริษัท อาจต้องพิจารณาดังนี้
1. ไม่ระบุเงินเดือนให้ชัดเจน
ข้อมูลตำแหน่งงานที่ประกาศต้องชัดเจน ตำแหน่งอะไร เงินเดือนเท่าไหร่ การระบุให้ชัดไปเลยว่า ตำแหน่งนี้ โรงเรียนพร้อมให้เงินเดือนเท่าไหร่ จะกี่หมื่นกี่พันก็ระบุไปเลย จะดึงดูดคนทำงานได้ง่ายและคนหางานตัดสินใจได้ง่ายกว่า การประกาศเงินเดือนว่า "ตามตกลง/ตามวุฒิการศึกษา" บางทีคนหางานก็อาจมองข้ามประกาศนี้ไปก็ได้ เพราะเขารู้ว่า ไม่แน่นอน
2. ไม่มีรายละเอียดงาน/Job Descritption มากเพียงพอ
ประกาศรับสมัครงานหลายประกาศ ไม่บอกรายละเอียดว่า ตำแหน่งงานนี้จะให้ทำอะไรบ้าง ตรงนี้อาจทำให้คนหางานเกิดความลังเลใจได้ การปล่อยโล่ง ๆ ไว้ คนหางานก็อาจจะคิดมาก อาจคิดเดาไปว่า โรงเรียนคงจะให้ทำหลายหน้าที่หลายงานจนหวั่นใจว่า ตัวเองอาจไม่มีความสามารถมากพอ ดังนั้น โรงเรียนควรเขียนบอกให้ชัดเจนว่า ตำแหน่งที่ประกาศรับสมัครนี้ เมื่อเข้ามาทำงานแล้ว จะต้องทำอะไรบ้าง ขอบเขตแค่ไหน
3. กำหนดคุณสมบัติผู้สมัครงานที่ต้องการไว้สูงมากเกินไป
บัณฑิตจบใหม่ คนหางานหลาย ๆ คนไม่มีคุณสมบัติตามตำแหน่งที่ประกาศรับ จึงไม่กล้าสมัครงานด้วย เพราะคิดว่า สมัครไปโรงเรียนก็คงไม่รับพิจารณา จุดนี้ โรงเรียนอาจต้องชั่งน้ำหนักเช่นกันว่า คุณสมบัติแบบไหนที่โรงเรียนพอรับได้ ไม่สูงเกินไป โดยพิจารณาจากประสบการณ์เดิม ครูใหม่ ๆ ที่โรงเรียนรับเข้ามาทำงาน เขาสามารถทำงานได้เลยจริงไหม หรือว่า แท้จริงแล้ว ต้องจัดอบรมก่อนทำงานอยู่ดี ซึ่งส่วนมากมักเป็นกรณีหลัง เพราะคนหางานก็ยังใหม่ เพิ่งจบใหม่ คุณสมบัติบางด้านอาจยังด้อยอยู่ (แต่ก็อาจะสามารถพัฒนาเพิ่มพูนขึ้นได้ ถ้ามีโอกาส) ยังขาดทักษะ และอาจไม่เข้าใจแนวโรงเรียนดีพอ กรณีแบบนี้ โรงเรียนอาจลดคุณสมบัติลงบ้างแล้ว แล้วพัฒนาเขาเหล่านั้นอีกที ทำแบบนี้ก็จะมีโอกาสได้คนมาทำงานที่โรงเรียนได้ง่ายขึ้น
4. ไม่บอกสวัสดิการ สิ่งที่เป็นประโยชน์ หรือโอกาสก้าวหน้าต่าง ๆ ที่ผู้สมัครงานจะได้รับ
ข้อมูลตรงนี้ มีส่วนจูงใจคนหางานได้มากเช่นกัน โรงเรียนควรระบุให้ชัดว่า เมื่อไปทำงานกับโรงเรียนแล้ว เขาจะได้อะไรเพิ่มเติมบ้าง (นอกเหนือจากเงินค่าจ้างรายเดือน) เช่น เงินสอนพิเศษ โบนัสประจำปี การได้สิทธิเข้าอบรมหลักสูตรพัฒนาศักยภาพต่าง ๆ ทุนการศึกษาต่อ การไปศึกษาอบรมต่างประเทศ เงินทุนช่วยเหลือพิเศษเมื่อคลอดบุตร ส่วนลดพิเศษเมื่อนำบุตรเข้าเรียนที่โรงเรียน ฯลฯ
5. ไม่มีสัญญาจ้างที่ชัดเจนเพียงพอ
เมื่อมีการตกลงรับคนเข้าทำงาน บางโรงเรียนไม่ได้ทำสัญญาจ้างงานที่ชัดเจน จึงอาจเกิดความไม่เข้าใจระหว่างกันได้ เพราะความไม่ชัดเจนแน่นอน ผลสุดท้าย เมื่อครูคนนั้นออกจากโรงเรียนไป ก็นำความรู้สึก/ความเข้าใจแบบนั้นไปพูดต่อ ๆ ไป ทำให้มีปัญหาต่อภาพลักษณ์โรงเรียน สิ่งนี้ก็อาจมีผลทำให้คนหางานรุ่นต่อ ๆ มา (ที่ทราบข้อมูลจากรุ่นพี่ ๆ หรือสื่อออนไลน์ต่าง ๆ) ทำให้ไม่อยากไปสมัครทำงานกับโรงเรียน
สำหรับโรงเรียนที่มีมาตรฐานสูง ผู้บริหารจะไม่ละเลยเรื่องสัญญาจ้างงานระหว่างโรงเรียนกับคนหางาน คือจะต้องมีการทำสัญญาจ้างงานที่ชัดเจนไว้เสมอ ตัวอย่างสัญญาจ้างงาน หากมีการเปิดเผยให้คนหางานดูได้ด้วยในวันสัมภาษณ์ ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้คนหางานยิ่งขึ้นว่าโรงเรียนมีมาตรฐานที่ดี
ในกิจการสมัยใหม่ ไม่ว่าจะทำงานระยะสั้น-ยาวแค่ไหนก็ตาม สัญญาจ้างงานต้องมี ในสัญญาควรระบุชัดเจนในสิ่งเหล่านี้ เช่น ข้อกำหนดและเงื่อนไขต่าง ๆ ของโรงเรียนที่คนทำงานต้องยอมรับ, ว่าจ้างบุคคลนั้น ๆ ในตำแหน่งอะไร, มีหน้าที่ความรับผิดชอบอะไรบ้าง, มีระยะเวลาทดลองงานนานเท่าไหร่, เข้า-ออกงานวันใดบ้าง, หากต้องทำงานนอกเวลา มีค่าตอบแทนไหมเท่าไหร่/ไม่มี, ระหว่างทดลองงานมีสิทธิหยุด/ลาได้กี่วัน, เกณฑ์การประเมินการทำงานว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านมีเกณฑ์อะไรบ้าง, เงินเดือนและค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่จะได้รับ-เท่าไหร่, และถ้าหากโรงเรียนมีการหักเงินเป็นค่าประกันหรือค่าอะไรอื่น ๆ ก็จะมีระบุไว้ในสัญญาอย่างชัดเจนว่า หักค่าอะไร หักกี่เปอร์เซ็นของเงินเดือน และจะคืนเงินดังกล่าวให้คนหางานเมื่อไหร่ เวลาใด ฯลฯ ข้อมูลจำเป็นเหล่านี้ ควรมีการบอกไว้อย่างครบถ้วน เพื่อความสบายใจและความเข้าใจร่วมกันของทั้งโรงเรียนและคนหางาน
6. บรรยากาศ/สภาพแวดล้อมของโรงเรียน ก็มีส่วนกับการตัดสินใจไปทำงานของคนหางาน
เรื่องสภาพแวดล้อม อาคาร สถานที่ บางทีก็ยากจะให้ถูกใจคนหางานได้ แต่สำหรับบรรยากาศภายในโรงเรียนแล้ว คณะผู้บริหาร เพื่อนครู และบุคลากรของโรงเรียนสามารถสร้างขึ้นร่วมกันได้ บรรยากาศในโรงเรียนจะเป็นอย่างไรอยู่ที่ผู้บริหารนั่นเองเอาใจใส่เพียงใด ความเล็ก แคบ หรือใหญ่โตของสถานที่ บางทีก็อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญนัก เพราะโรงเรียนเล็ก ๆ สถานที่ธรรมดา ๆ แต่บรรยากาศน่ารัก จริงใจ เป็นกันเอง มีน้ำใจ คนหางานมากมายก็ชอบจะไปสมัครทำงานด้วย
เชื่อว่า เรื่องแบบนี้ เป็นสิ่งที่ผู้บริหารโรงเรียนตระหนักดีอยู่แล้วว่า ทำอย่างไร โรงเรียนจึงจะมีสภาพแวดล้อมและบรรยากาศน่าสนใจและดึงดูดให้คนมาทำงานกับโรงเรียนและอยู่ทำงานกับโรงเรียนไปนาน ๆ โรงเรียนสมัยใหม่ต้องพิจารณาเช่นกันว่า การบริหารงานโรงเรียนแบบเดิม ๆ แบบตามความเคยชินสมัยรุ่นปู่ย่า อาจไม่เหมาะกับโลกสมัยใหม่ที่นับวันจะมีคู่แข่งหน้าใหม่ ๆ จากต่างประเทศมาเปิดโรงเรียนแข่งเพิ่มมากขึ้นทุก ๆ ปี ก็เป็นได้
เมื่อประกาศรับสมัครงานเกิน 2 สัปดาห์ไปแล้ว แต่ไม่เห็นมีคนทำงานคนใดมาสมัครงานในตำแหน่งที่ประกาศรับนั้นเลย เพราะอะไร จะทำอย่างไรดี โรงเรียน/สถาบัน/บริษัท อาจต้องพิจารณาดังนี้
1. ไม่ระบุเงินเดือนให้ชัดเจน
ในการประกาศรับสมัครงานนั้น การระบุจำนวนเงินเดือนให้ชัดไปเลยว่า ตำแหน่งนี้ โรงเรียนพร้อมให้เงินเดือนเท่าไหร่ กี่หมื่นกี่พัน ย่อมจะดึงดูดคนทำงานได้ง่าย และคนหางานจะตัดสินใจได้ง่ายกว่าการประกาศรับสมัครงานโดยระบุว่า "เงินเดือนตามตกลง/ตามวุฒิการศึกษา" เมื่อเห็นประกาศรับสมัครงานแบบนี้ บางทีคนหางานก็อาจมองข้ามประกาศนี้ไปก็ได้ เพราะเขารู้สึกว่า ไม่แน่นอน ต้องคุยและตกลงกันหลายรอบแน่ ๆ
อย่างไรก็ตาม การระบุจำนวนเงินเดือนนี้มีทั้งแง่บวกและแง่ลบ และเป็นสิทธิของโรงเรียนที่ไม่ต้องการเปิดเผยอัตราเงินเดือนให้ใครอื่นทราบ แต่ก็อย่างที่บอก คนหางานมักตัดสินใจได้ง่ายเมื่อเห็นตัวเลขจำนวนเงินเดือนในตำแหน่งที่ประกาศรับ แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะคนหางานหลายคนก็ชอบที่จะไปสัมภาษณ์และตกลงขอเงินเดือนกับโรงเรียนโดยตรงด้วยตัวเองมากกว่า ลองชั่งตรองแล้วเลือกเอาเอง แบบไหนเหมาะสำหรับโรงเรียนของท่าน
อย่างไรก็ตาม การระบุจำนวนเงินเดือนนี้มีทั้งแง่บวกและแง่ลบ และเป็นสิทธิของโรงเรียนที่ไม่ต้องการเปิดเผยอัตราเงินเดือนให้ใครอื่นทราบ แต่ก็อย่างที่บอก คนหางานมักตัดสินใจได้ง่ายเมื่อเห็นตัวเลขจำนวนเงินเดือนในตำแหน่งที่ประกาศรับ แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะคนหางานหลายคนก็ชอบที่จะไปสัมภาษณ์และตกลงขอเงินเดือนกับโรงเรียนโดยตรงด้วยตัวเองมากกว่า ลองชั่งตรองแล้วเลือกเอาเอง แบบไหนเหมาะสำหรับโรงเรียนของท่าน
2. ไม่มีรายละเอียดงานเพียงพอ/ไม่มี Job Description
ประกาศรับสมัครงานหลายประกาศ ไม่บอกรายละเอียดงานว่า ตำแหน่งงานนี้จะให้ทำอะไรบ้าง ต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง ตรงนี้อาจทำให้คนหางานเกิดความลังเลใจได้ อาจจะคิดมากและอาจคิดเดาไปว่า โรงเรียนคงจะให้ทำงานหลายหน้าที่จนหวั่นใจว่า ตัวเองอาจจะไม่มีความสามารถมากพอ ดังนั้น โรงเรียนควรเขียนบอกให้ชัดเจนไปเลยว่า ตำแหน่งที่ประกาศรับสมัครนี้ เมื่อเข้ามาทำงานแล้ว จะต้องทำอะไรบ้าง ขอบเขตงานแค่ไหน
3. กำหนดคุณสมบัติผู้สมัครงานที่ต้องการไว้สูงเกินไป
บัณฑิตจบใหม่ คนหางานหลาย ๆ คนไม่มีคุณสมบัติตามตำแหน่งที่ประกาศรับ จึงไม่กล้าสมัครงานด้วย เพราะคิดว่า สมัครไปโรงเรียนก็คงไม่รับพิจารณา จุดนี้ โรงเรียนอาจต้องชั่งน้ำหนักเช่นกันว่า คุณสมบัติแบบไหนที่โรงเรียนพอรับได้ ไม่สูงเกินไป โดยพิจารณาจากประสบการณ์เดิมที่เคยรับครูใหม่ ๆ ผ่านมา ครูจบใหม่ ๆ ที่โรงเรียนรับเข้ามาทำงาน เขาสามารถทำงานได้เลยจริงไหม หรือว่า แท้จริงแล้ว โรงเรียนต้องจัดอบรมเข้มก่อนทำงานอยู่ดี ซึ่งส่วนมากมักเป็นกรณีหลัง เพราะคนหางานก็ยังใหม่ เพิ่งเรียนจบ คุณสมบัติบางด้านอาจยังด้อยอยู่ (แต่ก็สามารถพัฒนาเพิ่มพูนขึ้นได้ ถ้ามีโอกาสและเวลามากพอ) ยังขาดทักษะในบางด้าน และอาจไม่เข้าใจแนวของโรงเรียนดีพอ กรณีแบบนี้ โรงเรียนอาจลดคุณสมบัติลงบ้างแล้วจัดโปรแกรมพัฒนาเขาเหล่านั้นอีกที ทำแบบนี้ก็จะมีโอกาสได้คนมาทำงานที่โรงเรียนได้ง่ายขึ้น
4. ไม่บอกสวัสดิการ สิ่งที่เป็นประโยชน์ หรือโอกาสก้าวหน้าต่าง ๆ ที่ผู้สมัครงานจะได้รับ
ข้อมูลตรงนี้ มีส่วนจูงใจคนหางานได้มากเช่นกัน โรงเรียนควรระบุให้ชัดไปเลยว่า เมื่อไปทำงานกับโรงเรียนแล้ว เขาจะได้อะไรเพิ่มเติมบ้าง (นอกเหนือจากเงินค่าจ้างรายเดือน) ถ้าโรงเรียนมี เช่น เงินสอนพิเศษ โบนัสประจำปี โอกาสในการเข้าอบรมหลักสูตรพัฒนาศักยภาพต่าง ๆ ประกันต่าง ๆ ทุนการศึกษาต่อ การไปศึกษาอบรมต่างประเทศ เงินทุนช่วยเหลือพิเศษเมื่อคลอดบุตร ส่วนลดพิเศษเมื่อนำบุตรเข้าเรียนที่โรงเรียน มีรถรับ-ส่ง มีที่พักปลอดภัยและราคาถูกในโรงเรียน/ใกล้โรงเรียน (ถ้ามี) ฯลฯ
5. ไม่มีสัญญาจ้างงานที่ชัดเจนเพียงพอ
เมื่อมีการตกลงรับคนเข้าทำงาน บางโรงเรียนไม่ได้ทำสัญญาจ้างงานที่ชัดเจน จึงอาจเกิดปัญหาความไม่เข้าใจระหว่างกันได้ เพราะความไม่ชัดเจนตั้งแต่แรกนั่นเอง ผลสุดท้าย เมื่อครูคนนั้นออกจากโรงเรียนไป (ไม่ว่ากรณีใด ๆ ) ก็อาจนำความรู้สึก/ความเข้าใจแบบนั้นไปพูดต่อ ๆ ไป และทำให้มีปัญหาต่อภาพลักษณ์ของโรงเรียนได้ สิ่งนี้ก็อาจมีผลทำให้คนหางานรุ่นต่อ ๆ มา (ที่ทราบข้อมูลจากรุ่นพี่ ๆ หรือจากสื่อออนไลน์ต่าง ๆ) ทำให้ไม่อยากไปสมัครทำงานกับโรงเรียนแห่งนั้น ๆ
สำหรับโรงเรียนที่มีมาตรฐาน ผู้บริหารจะไม่ละเลยเรื่องสัญญาจ้างงานระหว่างโรงเรียนกับคนทำงาน คือจะต้องมีการทำสัญญาจ้างงานที่ชัดเจนไว้เสมอ และถ้าโรงเรียนเปิดเผยสัญญาจ้างงานให้คนหางานดูด้วยในวันสัมภาษณ์ ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้คนหางานได้ดียิ่งขึ้นว่าโรงเรียนมีมาตรฐานที่ดี ทำงานด้วยแล้วไม่มีปัญหาแน่นอน (เว้นแต่ตัวคนทำงานจะสร้างปัญหาขึ้นมาเสียเอง)
กิจการสมัยใหม่ ไม่ว่าจะทำงานระยะสั้นหรือยาวแค่ไหนก็ตาม สัญญาจ้างงานต้องมีเสมอ ในสัญญาจ้างงานนั้น ควรระบุอย่างชัดเจนถึงสิ่งเหล่านี้ เช่น ข้อกำหนดและเงื่อนไขต่าง ๆ ของโรงเรียนที่คนทำงานต้องยอมรับ จึงตกลงเข้าทำงาน, ว่าจ้างบุคคลนั้น ๆ ในตำแหน่งอะไร, มีหน้าที่ความรับผิดชอบอะไรบ้าง, มีระยะเวลาทดลองงานนานเท่าไหร่, เข้า-ออกงานวันใดบ้าง, หากต้องทำงานนอกเวลา มีค่าตอบแทนไหมเท่าไหร่/ไม่มี, ระหว่างทดลองงานมีสิทธิหยุด/ลาได้กี่วัน, เกณฑ์การประเมินการทำงานว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านมีเกณฑ์อะไรบ้าง, เงินเดือนและค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่จะได้รับ-เท่าไหร่, และถ้าหากโรงเรียนมีการหักเงินเป็นค่าประกันหรือค่าอะไรอื่น ๆ ก็จะมีระบุไว้ในสัญญาอย่างชัดเจนว่า หักค่าอะไร หักกี่เปอร์เซ็นของเงินเดือน และจะคืนเงินดังกล่าวให้คนหางานเมื่อไหร่ เวลาใด ฯลฯ
ข้อมูลเหล่านี้ ควรมีการระบุไว้อย่างครบถ้วน เพื่อความสบายใจและความเข้าใจร่วมกันของทั้งโรงเรียนและคนทำงาน
ข้อมูลเหล่านี้ ควรมีการระบุไว้อย่างครบถ้วน เพื่อความสบายใจและความเข้าใจร่วมกันของทั้งโรงเรียนและคนทำงาน
6. บรรยากาศ/สภาพแวดล้อมของโรงเรียน มีส่วนต่อการตัดสินใจไปทำงาน
เรื่องสภาพแวดล้อม อาคาร สถานที่ บางทีก็ยากจะให้ถูกใจคนหางานได้ทุกคนทุกเรื่อง แต่คนที่ต้องการทำงานจริง ๆ แล้ว บางทีก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่สำหรับบรรยากาศภายในโรงเรียนแล้ว คณะผู้บริหาร เพื่อนครู และบุคลากรของโรงเรียนสามารถร่วมกันสร้างขึ้นได้ บรรยากาศในโรงเรียนจะเป็นอย่างไรอยู่ที่ผู้บริหารโรงเรียนเป็นสำคัญว่าเอาใจใส่มากน้อยเพียงใดมีความละเอียดเพียงใด ความเล็ก แคบ หรือใหญ่โตของสถานที่ทำงาน บางทีก็อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไรนักสำหรับคนหางาน เพราะโรงเรียนเล็ก ๆ สถานที่ธรรมดา ๆ แต่บรรยากาศน่ารัก จริงใจ เป็นกันเอง มีน้ำใจ คนหางานมากมายก็ชอบจะไปสมัครทำงานด้วย
เชื่อว่า เรื่องแบบนี้ ผู้บริหารโรงเรียนคงตระหนักดีอยู่แล้วว่า ทำอย่างไร โรงเรียนจึงจะมีสภาพแวดล้อมและบรรยากาศน่าสนใจและดึงดูดให้คนมาทำงานกับโรงเรียนและอยู่ทำงานกับโรงเรียนไปนาน ๆ
ทีมงานสคูลจ๊อบ เชื่อว่าเรื่องดังที่กล่าวมานี้ น่าจะพอเป็นคำตอบได้ว่า ทำไมประกาศรับสมัครงานไปแล้ว จึงไม่มีใครมาสมัครทำงานกับโรงเรียนสักที ลองพิจารณาเทียบเคียงดู น่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง
ทีมงานสคูลจ๊อบ เชื่อว่าเรื่องดังที่กล่าวมานี้ น่าจะพอเป็นคำตอบได้ว่า ทำไมประกาศรับสมัครงานไปแล้ว จึงไม่มีใครมาสมัครทำงานกับโรงเรียนสักที ลองพิจารณาเทียบเคียงดู น่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง
เขียนเมื่อ : 27-เมษายน-2560 เปิดอ่าน : 7271
ข่าวสารสนทนา เป็นลิขสิทธิ์ของ SchoolJob หากต้องการคัดลอกไปเผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ก่อนเสมอ
ข่าวสารสนทนา เป็นลิขสิทธิ์ของ SchoolJob หากต้องการคัดลอกไปเผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ก่อนเสมอ
SchoolJob News&Talk สคูลจ๊อบ ข่าวสารสนทนาอื่นๆ
• สมัครงาน ให้ได้งาน (2783)
• โรงเรียนโทรมานัดสัมภาษณ์แล้ว ดีใจจัง (5705)
• ไปสัมภาษณ์งานโรงเรียนอย่างมั่นใจ (25606)
• สมัครงานจับฉ่าย สมัครดะทุกตำแหน่ง (2563)
• สมาชิก SchoolJob ลืมรหัสผ่าน ทำไงดี (3259)
• ใส่ใจสถานที่นัดสัมภาษณ์งาน (2548)
• ทุกคำพูดจากคุณ มีคุณค่าสำหรับเราเสมอ (3085)
• สมัครงานโรงเรียน ขอเงินเดือนเท่าไหร่ดี (15640)
• เว็บไซต์ที่ครูควรเข้าเยี่ยมชมบ่อย ๆ (7095)
• อัตราค่าสมัครเป็นสมาชิก สำหรับสถานศึกษา (18124)
• แอป SchoolJob เปิดให้ใช้งานแล้ว (5726)
• SchoolJob เรื่องครู ที่เดียวจบ (2304)