SchoolJob News&Talk สคูลจ๊อบ ข่าวสารสนทนา
ฝากใบสมัครงานแล้ว แต่ไม่ได้งานทำสักที
สมัครครู สมัครทำงานโรงเรียน ฝากใบสมัครงานแล้ว แต่ไม่ได้งานทำสักที

คนหางานเมื่อสมัครงานหรือฝากใบสมัครงานกับสคูลจ๊อบแล้ว แต่ไม่ได้งานทำสักที บางทีก็อาจทำให้รู้สึกท้อแท้ได้ แต่เรื่องแบบนี้ เราต้องมองตามความเป็นจริง  ทำไมสมัครงานแล้วไม่ได้งานทำ  ลองดูสิ่งเหล่านี้
 
1. การกรอกข้อมูลในเว็บสคูลจ๊อบของผู้สมัครงานเอง ครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ มีหลายกรณีที่เบอร์มือถือที่กรอกไปในฟอร์มประวัติคนหางานนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่ได้เติมเงินไว้ถูกตัดบริการไปแล้ว  โรงเรียนที่สนใจอยากเชิญเราไปร่วมงานด้วยพยายามโทรติดต่อเราแล้ว แต่ก็ติดต่อไม่ได้ จึงทำให้เราไม่ได้รับติดต่อนัดหมายไปสัมภาษณ์ นี่ก็มีส่วนทำให้เราพลาดโอกาสได้งานทำ
 
2. อีเมล์ที่กรอกไว้ ใช้งานไม่ได้ มีอยู่บ่อยครั้งที่อีเมล์ที่เรากรอกไปนั้น ใช้งานไม่ได้ เพราะเราไม่ได้เข้าไปใช้งานอีเมล์นั้นนานเกิน 3 เดือน ผู้ให้บริการอีเมล์ เช่น Hotmail อาจระงับบัญชีอีเมล์ของเราก็ได้ อีเมล์ของเราจึงไม่รับสามารถรับข้อความอีเมล์จากใครได้  เมื่อโรงเรียนส่งอีเมล์ไปหา จึงไปไม่ถึง นี่ก็มีส่วนทำให้เราไม่ได้งานทำ
 
3. ความน่าสนใจของข้อมูลประวัติของเราเอง โดยเฉพาะประวัติการศึกษา เกรดที่จบ กิจกรรมที่เคยทำระหว่างเรียน หลักสูตรอบรมที่เคยผ่านมา ความสามารถพิเศษทางคอมพิวเตอร์ ดนตรีไทย-สากล และความสามารถพิเศษต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้มีส่วนมากในการได้งานทำเร็ว  ข้อมูลเหล่านี้ทำให้เราดูโดดเด่นสะดุดตาชวนให้โรงเรียนอยากเชิญเราไปร่วมงานด้วย ถ้าข้อมูลของเราตรงนี้ไม่โดดเด่นพอ  เราก็ต้องทำใจไว้บ้าง คือโรงเรียนอาจจะสนใจเราน้อย เพราะโรงเรียนย่อมจะต้องการคนทำงานที่มีคุณสมบัติดีที่สุดพร้อมที่สุดไปร่วมงาน  ถ้ารับไปแล้ว ต้องไปจัดอบรมใหม่ ไปสอนกันใหม่ บางทีโรงเรียนก็รู้สึกเหนื่อย เราต้องเข้าใจโรงเรียนด้วย ดังนั้น อะไรที่เราเก่งจริง ทำได้จริง มีความสามารถจริง เราควรกรอกใส่ไปเลย และระหว่างรองานอยู่ มีหลักสูตรอบรมระยะสั้นอะไรที่ช่วยพัฒนาศักยภาพการทำงานของเรา ก็ควรไปสมัครอบรมเป็นระยะ ๆ เพื่อเพิ่มโปรไฟล์เราให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
 
4. มุมมองของเราเองต่อประเด็นทางสังคมไทย การศึกษาไทย (ท้ายแบบฟอร์มประวัติ) ที่เราให้ไว้ มีความสำคัญมากเช่นกัน  ข้อมูลตรงนี้ควรมาจากประมวลความคิดความรู้ของเราเองล้วน ๆ ไม่ควรไปคัดลอกของใครมา ข้อมูลตรงนี้จะบ่งบอกว่า เราเข้าใจชีวิต เข้าใจโลก เข้าใจสังคมมากน้อยเพียงไร อย่าลืมว่า งานสอนหนังสือ งานทางการศึกษา ต้องการคนที่ชัดเจนในชีวิต ในโลก และสังคม ไม่ใช่คนที่คลุมเครือไม่แน่นอน ดังนั้น ถ้าเราไม่ได้กรอกข้อมูลตรงนี้ไว้ ควรรีบไปกรอกให้ครบถ้วนและน่าสนใจจะดีมาก มันจะเพิ่มโอกาสให้เราได้งานทำ 
 
5.  หลังฝากประวัติแล้ว ไม่มาเว็บสคูลจ๊อบ ไม่เข้าระบบมาดูข้อมูลเลยว่า โรงเรียนไหนนัดสัมภาษณ์เราบ้าง  เพราะจริง ๆ แล้วอาจมีโรงเรียนหลายแห่งสนใจเราและนัดสัมภาษณ์แล้วแต่คนหางานไม่สนใจมาเปิดดูเอง จึงทำให้พลาดงานได้เช่นกัน  
 
6. ไม่เข้าระบบและไม่คลิกสมัครงานตำแหน่งที่ตนเองสนใจ คนหางานหลายคนคิดว่า ตัวเองเก่ง มีความโดดเด่นมากพอ รอให้โรงเรียนติดต่ออย่างเดียว เราไม่ต้องไปสมัครงานกับโรงเรียนใดก็ได้  การคิดแบบนี้ บางทีอาจจะเป็นการเข้าข้างตัวเองมากไป  ถ้าเราอยากทำงานตำแหน่งอะไรที่โรงเรียนไหน เราควรแสดงความสนใจของเราออกมาก่อนจะดีที่สุด  คือมาเว็บไซต์สคูลจ๊อบแล้วเข้าระบบ แล้วไปคลิกสมัคงานตำแหน่งงานนั้น ๆ  และควรโทรไปแจ้งทางโรงเรียนด้วยก็ยิ่งดีว่า เราได้สมัครงานตำแหน่งนั้น ๆ ที่โรงเรียนประกาศรับสมัครไว้  อย่าลืมว่า การที่เรากระตือรือร้นติดต่อไปทางโรงเรียนก่อนนั้น  คะแนนนิยมของเราจะเพิ่มมากขึ้น เพราะโรงเรียนทุกแห่งต้องการคนที่อยากทำงานกับโรงเรียนจริง ๆ  ไม่ใช่ต้องการคนที่ไม่แน่นอน หรือคนจำพวกสมัครเล่น ๆ 

ลองดูอีกครั้ง ถ้าเราอยากทำงาน อยากได้งานทำเร็ว ๆ  เราควรทำอย่างไร  การนอนรอให้โรงเรียนติดต่อมา บางทีอาจเป็นความประมาทเกินไปและสายเกินไปก็ได้  ดังนั้น รีบเข้าระบบแล้วสมัครงานที่เราสนใจ แล้วติดต่อโรงเรียนเลย จะดีกว่า
 
ลองดูอีกครั้ง ถ้าเราอยากทำงาน อยากได้งานทำเร็ว ๆ  เราควรทำอย่างไร  การนอนรอให้โรงเรียนติดต่อมา บางทีอาจเป็นความประมาทเกินไปและสายเกินไปก็ได้  ดังนั้น รีบเข้าระบบแล้วสมัครงานที่เราสนใจ แล้วติดต่อโรงเรียนเลย จะดีกว่าสมัครงาน แต่ไม่ได้งานทำสักที
 
คนหางานเมื่อสมัครงานหรือฝากใบสมัครงานกับสคูลจ๊อบแล้ว แต่ไม่ได้งานทำสักที บางทีก็อาจทำให้รู้สึกท้อแท้ได้ แต่เรื่องแบบนี้ เราต้องมองตามความเป็นจริง  ทำไมสมัครงานแล้วไม่ได้งานทำ  ลองดูสิ่งเหล่านี้
 
1. การกรอกข้อมูลในเว็บสคูลจ๊อบของผู้สมัครงานเอง ครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ มีหลายกรณีที่เบอร์มือถือที่กรอกไปในฟอร์มประวัติคนหางานนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่ได้เติมเงินไว้ถูกตัดบริการไปแล้ว  โรงเรียนที่สนใจอยากเชิญเราไปร่วมงานด้วยพยายามโทรติดต่อเราแล้ว แต่ก็ติดต่อไม่ได้ จึงทำให้เราไม่ได้รับติดต่อนัดหมายไปสัมภาษณ์ นี่ก็มีส่วนทำให้เราพลาดโอกาสได้งานทำ
 
2. อีเมล์ที่กรอกไว้ ใช้งานไม่ได้ มีอยู่บ่อยครั้งที่อีเมล์ที่เรากรอกไปนั้น ใช้งานไม่ได้ เพราะเราไม่ได้เข้าไปใช้งานอีเมล์นั้นนานเกิน 3 เดือน ผู้ให้บริการอีเมล์ เช่น Hotmail อาจระงับบัญชีอีเมล์ของเราก็ได้ อีเมล์ของเราจึงไม่รับสามารถรับข้อความอีเมล์จากใครได้  เมื่อโรงเรียนส่งอีเมล์ไปหา จึงไปไม่ถึง นี่ก็มีส่วนทำให้เราไม่ได้งานทำ
 
3. ความน่าสนใจของข้อมูลประวัติของเราเอง โดยเฉพาะประวัติการศึกษา เกรดที่จบ กิจกรรมที่เคยทำระหว่างเรียน หลักสูตรอบรมที่เคยผ่านมา ความสามารถพิเศษทางคอมพิวเตอร์ ดนตรีไทย-สากล และความสามารถพิเศษต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้มีส่วนมากในการได้งานทำเร็ว  ข้อมูลเหล่านี้ทำให้เราดูโดดเด่นสะดุดตาชวนให้โรงเรียนอยากเชิญเราไปร่วมงานด้วย ถ้าข้อมูลของเราตรงนี้ไม่โดดเด่นพอ  เราก็ต้องทำใจไว้บ้าง คือโรงเรียนอาจจะสนใจเราน้อย เพราะโรงเรียนย่อมจะต้องการคนทำงานที่มีคุณสมบัติดีที่สุดพร้อมที่สุดไปร่วมงาน  ถ้ารับไปแล้ว ต้องไปจัดอบรมใหม่ ไปสอนกันใหม่ บางทีโรงเรียนก็รู้สึกเหนื่อย เราต้องเข้าใจโรงเรียนด้วย ดังนั้น อะไรที่เราเก่งจริง ทำได้จริง มีความสามารถจริง เราควรกรอกใส่ไปเลย และระหว่างรองานอยู่ มีหลักสูตรอบรมระยะสั้นอะไรที่ช่วยพัฒนาศักยภาพการทำงานของเรา ก็ควรไปสมัครอบรมเป็นระยะ ๆ เพื่อเพิ่มโปรไฟล์เราให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
 
4. มุมมองของเราเองต่อประเด็นทางสังคมไทย การศึกษาไทย (ท้ายแบบฟอร์มประวัติ) ที่เราให้ไว้ มีความสำคัญมากเช่นกัน  ข้อมูลตรงนี้ควรมาจากประมวลความคิดความรู้ของเราเองล้วน ๆ ไม่ควรไปคัดลอกของใครมา ข้อมูลตรงนี้จะบ่งบอกว่า เราเข้าใจชีวิต เข้าใจโลก เข้าใจสังคมมากน้อยเพียงไร อย่าลืมว่า งานสอนหนังสือ งานทางการศึกษา ต้องการคนที่ชัดเจนในชีวิต ในโลก และสังคม ไม่ใช่คนที่คลุมเครือไม่แน่นอน ดังนั้น ถ้าเราไม่ได้กรอกข้อมูลตรงนี้ไว้ ควรรีบไปกรอกให้ครบถ้วนและน่าสนใจจะดีมาก มันจะเพิ่มโอกาสให้เราได้งานทำ 
 
5.  หลังฝากประวัติแล้ว ไม่มาเว็บสคูลจ๊อบ ไม่เข้าระบบมาดูข้อมูลเลยว่า โรงเรียนไหนนัดสัมภาษณ์เราบ้าง  เพราะจริง ๆ แล้วอาจมีโรงเรียนหลายแห่งสนใจเราและนัดสัมภาษณ์แล้วแต่คนหางานไม่สนใจมาเปิดดูเอง จึงทำให้พลาดงานได้เช่นกัน  
 
6. ไม่เข้าระบบและไม่คลิกสมัครงานตำแหน่งที่ตนเองสนใจ คนหางานหลายคนคิดว่า ตัวเองเก่ง มีความโดดเด่นมากพอ รอให้โรงเรียนติดต่ออย่างเดียว เราไม่ต้องไปสมัครงานกับโรงเรียนใดก็ได้  การคิดแบบนี้ บางทีอาจจะเป็นการเข้าข้างตัวเองมากไป  ถ้าเราอยากทำงานตำแหน่งอะไรที่โรงเรียนไหน เราควรแสดงความสนใจของเราออกมาก่อนจะดีที่สุด  คือมาเว็บไซต์สคูลจ๊อบแล้วเข้าระบบ แล้วไปคลิกสมัคงานตำแหน่งงานนั้น ๆ  และควรโทรไปแจ้งทางโรงเรียนด้วยก็ยิ่งดีว่า เราได้สมัครงานตำแหน่งนั้น ๆ ที่โรงเรียนประกาศรับสมัครไว้  อย่าลืมว่า การที่เรากระตือรือร้นติดต่อไปทางโรงเรียนก่อนนั้น  คะแนนนิยมของเราจะเพิ่มมากขึ้น เพราะโรงเรียนทุกแห่งต้องการคนที่อยากทำงานกับโรงเรียนจริง ๆ  ไม่ใช่ต้องการคนที่ไม่แน่นอน หรือคนจำพวกสมัครเล่น ๆ 
 
ลองดูอีกครั้ง ถ้าเราอยากทำงาน อยากได้งานทำเร็ว ๆ  เราควรทำอย่างไร  การนอนรอให้โรงเรียนติดต่อมา บางทีอาจเป็นความประมาทเกินไปและสายเกินไปก็ได้  ดังนั้น รีบเข้าระบบแล้วสมัครงานที่เราสนใจ แล้วติดต่อโรงเรียนเลย จะดีกว่าสมัครงาน แต่ไม่ได้งานทำสักที
 
คนหางานเมื่อสมัครงานหรือฝากใบสมัครงานกับสคูลจ๊อบแล้ว แต่ไม่ได้งานทำสักที บางทีก็อาจทำให้รู้สึกท้อแท้ได้ แต่เรื่องแบบนี้ เราต้องมองตามความเป็นจริง  ทำไมสมัครงานแล้วไม่ได้งานทำ  ลองดูสิ่งเหล่านี้
 
1. การกรอกข้อมูลในเว็บสคูลจ๊อบของผู้สมัครงานเอง ครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ มีหลายกรณีที่เบอร์มือถือที่กรอกไปในฟอร์มประวัติคนหางานนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่ได้เติมเงินไว้ถูกตัดบริการไปแล้ว  โรงเรียนที่สนใจอยากเชิญเราไปร่วมงานด้วยพยายามโทรติดต่อเราแล้ว แต่ก็ติดต่อไม่ได้ จึงทำให้เราไม่ได้รับติดต่อนัดหมายไปสัมภาษณ์ นี่ก็มีส่วนทำให้เราพลาดโอกาสได้งานทำ
 
2. อีเมล์ที่กรอกไว้ ใช้งานไม่ได้ มีอยู่บ่อยครั้งที่อีเมล์ที่เรากรอกไปนั้น ใช้งานไม่ได้ เพราะเราไม่ได้เข้าไปใช้งานอีเมล์นั้นนานเกิน 3 เดือน ผู้ให้บริการอีเมล์ เช่น Hotmail อาจระงับบัญชีอีเมล์ของเราก็ได้ อีเมล์ของเราจึงไม่รับสามารถรับข้อความอีเมล์จากใครได้  เมื่อโรงเรียนส่งอีเมล์ไปหา จึงไปไม่ถึง นี่ก็มีส่วนทำให้เราไม่ได้งานทำ
 
3. ความน่าสนใจของข้อมูลประวัติของเราเอง โดยเฉพาะประวัติการศึกษา เกรดที่จบ กิจกรรมที่เคยทำระหว่างเรียน หลักสูตรอบรมที่เคยผ่านมา ความสามารถพิเศษทางคอมพิวเตอร์ ดนตรีไทย-สากล และความสามารถพิเศษต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้มีส่วนมากในการได้งานทำเร็ว  ข้อมูลเหล่านี้ทำให้เราดูโดดเด่นสะดุดตาชวนให้โรงเรียนอยากเชิญเราไปร่วมงานด้วย ถ้าข้อมูลของเราตรงนี้ไม่โดดเด่นพอ  เราก็ต้องทำใจไว้บ้าง คือโรงเรียนอาจจะสนใจเราน้อย เพราะโรงเรียนย่อมจะต้องการคนทำงานที่มีคุณสมบัติดีที่สุดพร้อมที่สุดไปร่วมงาน  ถ้ารับไปแล้ว ต้องไปจัดอบรมใหม่ ไปสอนกันใหม่ บางทีโรงเรียนก็รู้สึกเหนื่อย เราต้องเข้าใจโรงเรียนด้วย ดังนั้น อะไรที่เราเก่งจริง ทำได้จริง มีความสามารถจริง เราควรกรอกใส่ไปเลย และระหว่างรองานอยู่ มีหลักสูตรอบรมระยะสั้นอะไรที่ช่วยพัฒนาศักยภาพการทำงานของเรา ก็ควรไปสมัครอบรมเป็นระยะ ๆ เพื่อเพิ่มโปรไฟล์เราให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
 
4. มุมมองของเราเองต่อประเด็นทางสังคมไทย การศึกษาไทย (ท้ายแบบฟอร์มประวัติ) ที่เราให้ไว้ มีความสำคัญมากเช่นกัน  ข้อมูลตรงนี้ควรมาจากประมวลความคิดความรู้ของเราเองล้วน ๆ ไม่ควรไปคัดลอกของใครมา ข้อมูลตรงนี้จะบ่งบอกว่า เราเข้าใจชีวิต เข้าใจโลก เข้าใจสังคมมากน้อยเพียงไร อย่าลืมว่า งานสอนหนังสือ งานทางการศึกษา ต้องการคนที่ชัดเจนในชีวิต ในโลก และสังคม ไม่ใช่คนที่คลุมเครือไม่แน่นอน ดังนั้น ถ้าเราไม่ได้กรอกข้อมูลตรงนี้ไว้ ควรรีบไปกรอกให้ครบถ้วนและน่าสนใจจะดีมาก มันจะเพิ่มโอกาสให้เราได้งานทำ 
 
5.  หลังฝากประวัติแล้ว ไม่มาเว็บสคูลจ๊อบ ไม่เข้าระบบมาดูข้อมูลเลยว่า โรงเรียนไหนนัดสัมภาษณ์เราบ้าง  เพราะจริง ๆ แล้วอาจมีโรงเรียนหลายแห่งสนใจเราและนัดสัมภาษณ์แล้วแต่คนหางานไม่สนใจมาเปิดดูเอง จึงทำให้พลาดงานได้เช่นกัน  
 
6. ไม่เข้าระบบและไม่คลิกสมัครงานตำแหน่งที่ตนเองสนใจ คนหางานหลายคนคิดว่า ตัวเองเก่ง มีความโดดเด่นมากพอ รอให้โรงเรียนติดต่ออย่างเดียว เราไม่ต้องไปสมัครงานกับโรงเรียนใดก็ได้  การคิดแบบนี้ บางทีอาจจะเป็นการเข้าข้างตัวเองมากไป  ถ้าเราอยากทำงานตำแหน่งอะไรที่โรงเรียนไหน เราควรแสดงความสนใจของเราออกมาก่อนจะดีที่สุด  คือมาเว็บไซต์สคูลจ๊อบแล้วเข้าระบบ แล้วไปคลิกสมัคงานตำแหน่งงานนั้น ๆ  และควรโทรไปแจ้งทางโรงเรียนด้วยก็ยิ่งดีว่า เราได้สมัครงานตำแหน่งนั้น ๆ ที่โรงเรียนประกาศรับสมัครไว้  อย่าลืมว่า การที่เรากระตือรือร้นติดต่อไปทางโรงเรียนก่อนนั้น  คะแนนนิยมของเราจะเพิ่มมากขึ้น เพราะโรงเรียนทุกแห่งต้องการคนที่อยากทำงานกับโรงเรียนจริง ๆ  ไม่ใช่ต้องการคนที่ไม่แน่นอน หรือคนจำพวกสมัครเล่น ๆ 
 
ลองดูอีกครั้ง ถ้าเราอยากทำงาน อยากได้งานทำเร็ว ๆ  เราควรทำอย่างไร  การนอนรอให้โรงเรียนติดต่อมา บางทีอาจเป็นความประมาทเกินไปและสายเกินไปก็ได้  ดังนั้น รีบเข้าระบบแล้วสมัครงานที่เราสนใจ แล้วติดต่อโรงเรียนเลย จะดีกว่า
เขียนเมื่อ : 22-เมษายน-2560 เปิดอ่าน : 3536
ข่าวสารสนทนา เป็นลิขสิทธิ์ของ SchoolJob หากต้องการคัดลอกไปเผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ก่อนเสมอ
 
 
SchoolJob News&Talk สคูลจ๊อบ ข่าวสารสนทนาอื่นๆ
สมัครงาน ให้ได้งาน (2783)
โรงเรียนโทรมานัดสัมภาษณ์แล้ว ดีใจจัง (5706)
ไปสัมภาษณ์งานโรงเรียนอย่างมั่นใจ (25606)
สมัครงานจับฉ่าย สมัครดะทุกตำแหน่ง (2563)
อีเมล์นัดสัมภาษณ์งาน ไปอยู่กล่องเมล์ขยะ (3745)
สมาชิก SchoolJob ลืมรหัสผ่าน ทำไงดี (3259)
ใส่ใจสถานที่นัดสัมภาษณ์งาน (2548)
ปรับปรุงข้อมูลส่วนตัวให้ทันสมัยอยู่เสมอ (3614)
ทุกคำพูดจากคุณ มีคุณค่าสำหรับเราเสมอ (3085)
เราภูมิใจที่ได้รับโอกาสพัฒนาเว็บไซต์เหล่านี้ (3125)
สมัครงานโรงเรียน ขอเงินเดือนเท่าไหร่ดี (15640)
โรงเรียนต้องการครูแบบใด ต้องการคนแบบไหนมาทำงานโรงเรียน (4201)
สอนพิเศษในโรงเรียนกวดวิชา ไม่ใช่เรื่องเสียหาย (5842)
เพิ่มโลโก้ ทำให้ประกาศรับสมัครงานโดดเด่นขึ้น (3964)
เว็บไซต์ที่ครูควรเข้าเยี่ยมชมบ่อย ๆ (7095)
ประกาศรับสมัครงานที่ SchoolJob ดีอย่างไร (8172)
เขียนประกาศรับสมัครงานให้ชัดเจน คนหางานจะสมัครทำงานกับท่านจนเลือกรับแทบไม่ไหว (14691)
อัตราค่าสมัครเป็นสมาชิก สำหรับสถานศึกษา (18125)
โรงเรียนนัดสัมภาษณ์แล้ว แต่ไปตามนัดไม่ได้ (11564)
แอป SchoolJob เปิดให้ใช้งานแล้ว (5726)
8 คุณสมบัติคนทำงานที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตเร็ว (5009)
SchoolJob เรื่องครู ที่เดียวจบ (2305)
สคูลจ๊อบ เพิ่ม SSL ในการเชื่อมต่อเพื่อความปลอดภัยสูงสุด (1708)
ฝากใบสมัครงานแล้ว แต่ไม่ได้งานทำสักที (3536)
ประกาศรับสมัครงานหลายวันแล้ว แต่ไม่มีใครมาสมัครทำงานด้วยเลย (7271)
โรงเรียนจำเป็นต้องมีเว็บไซต์ และ Facebook ไหม ? (825)
สคูลจ๊อบ ขอมอบกำลังใจแด่สถาบันการศึกษา ในภาวะการระบาดของไวรัส COVID-19 (1)
1